[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

  
เทียบสินเชื่อแบบค้ำประกัน vs สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน 2568
โดย : easycashflows   เมื่อวันที่ : พฤหัสบดี ที่ 20 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2568   




ในปี 2568 เจ้าของกิจการจำนวนมากยังเผชิญโจทย์เดิมคือ “ธุรกิจต้องเดิน แต่เครดิตในระบบตึงขึ้น”
ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวมยังหดตัว โดยเฉพาะกลุ่ม สินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่ถูกกดดันจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังสูงอยู่
ผลคือ เมื่อจะ ขอสินเชื่อธุรกิจ จริง ๆ เจ้าของกิจการมักต้องเลือกระหว่าง
• สินเชื่อแบบมีหลักประกัน (รวมถึงกรณีมี บสย. ค้ำเพิ่ม)
• สินเชื่อแบบไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำ เช่น กลุ่ม สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน2568, สินเชื่อรายได้เดินบัญชี, วงเงินหมุนเวียนที่อิงพฤติกรรมการเงินจริง
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “ดอกเบี้ยเท่าไร” แต่คือ
ต้นทุนที่แท้จริงต่อปี (EIR) ของแต่ละแบบอยู่ที่ไหน และความเร็วการอนุมัติคุ้มกับความเสี่ยงไหม
บทความนี้จะขยายหัวข้อ “ต้นทุนจริง (EIR) และความเร็วอนุมัติ: แบบค้ำ vs ไม่ค้ำ” จากบทความหลักของ EasyCashflows ให้เป็นภาพอ่านง่ายในสไตล์ Bloggang เพื่อช่วยให้คุณวางแผนทั้ง สินเชื่อsme และชุดวงเงินธุรกิจได้อย่างมีเหตุผล ก่อนจะชวนไปอ่านบทความฉบับเต็มในตอนท้าย

1. ทำความเข้าใจ “ต้นทุนจริง (EIR)” ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อธุรกิจ
หลายคนคุ้นกับคำว่า “ดอกเบี้ยต่อปี” หรือ “อัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่น” แต่เวลาตัดสินใจ ขอสินเชื่อsme หรือเทียบข้อเสนอ สินเชื่อ SME จริง ๆ ตัวเลขที่ควรดูคือ EIR – Effective Interest Rate หรือ “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง”
สถาบันการเงินอธิบายตรงกันว่า EIR คืออัตราดอกเบี้ยที่รวมต้นทุนทั้งหมดที่ผู้กู้ต้องจ่ายตลอดอายุสัญญา เช่น ดอกเบี้ยตามสัญญา ค่าธรรมเนียม ค่าประเมินทรัพย์ ค่าทำนิติกรรม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วเฉลี่ยออกมาเป็น % ต่อปีเดียวให้เปรียบเทียบกันง่าย ๆ
ความต่างสำคัญของ EIR vs ดอกเบี้ย “ป้ายหน้า”
• ดอกเบี้ยป้ายหน้า: เหมือนเห็น “ราคาหน้าป้าย” ยังไม่รวมค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่น
• EIR: เหมือน “ราคารวมสุทธิ” ที่รวมทุกค่าใช้จ่ายแล้วว่ากู้ 1 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาแท้จริงจ่ายกี่บาทต่อปี
ในบริบทปี 2568 ซึ่งธนาคารต้องตั้งสำรองเผื่อความเสี่ยงและเข้มงวดกับลูกหนี้ SME มากขึ้นตัวเลข EIR จึงยิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้เจ้าของกิจการเห็นว่า
• แบบค้ำประกันที่ดอกเบี้ยป้ายหน้าดูต่ำ
• กับสินเชื่อหมุนเวียนเร็ว หรือ สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน 2568 ที่ดอกเบี้ยป้ายหน้าสูงกว่า
เมื่อรวมค่าธรรมเนียม เบี้ยค้ำ และเงื่อนไขต่าง ๆ แล้ว “ใครคือตัวเลือกที่คุ้มจริง” ในระยะเวลาที่ใช้จริง

2. แบบค้ำประกัน: EIR มักต่ำกว่า แต่แลกกับเวลาและความละเอียดของเอกสาร
กลุ่มสินเชื่อแบบค้ำประกัน รวมถึงกรณีที่ใช้ บสย.ค้ำประกัน ให้กับ สินเชื่อธุรกิจ หรือ สินเชื่อ SME มีจุดเด่นแบบกว้าง ๆ ดังนี้
2.1 จุดแข็งด้านต้นทุนจริง (EIR)
1. ดอกเบี้ยตามสัญญามักต่ำกว่าแบบไม่ค้ำ
เพราะผู้ให้กู้มีทรัพย์สินหรือการค้ำของ บสย. มารับความเสี่ยงส่วนหนึ่ง ทำให้สามารถตั้งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าได้ในเชิงโครงสร้าง
2. วงเงินสูงกว่า–ผ่อนยาวกว่า
การประเมินวงเงินจะอิงมูลค่าหลักประกัน (LTV) และความสามารถชำระหนี้ (DSCR) หากกิจการมีกระแสเงินสดดีและมีสินทรัพย์เพียงพอ จะได้วงเงินขนาดใหญ่พร้อมระยะเวลาผ่อนที่ยาวกว่า เหมาะกับงานลงทุน เช่น เครื่องจักร อาคาร หรือโครงการขยายโรงงาน
3. หากใช้วงเงินจนคุ้ม อายุโครงการยาวพอ EIR จะ “เฉลี่ยลง”
เมื่อค่าใช้จ่ายครั้งเดียว (เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง ค่าค้ำประกัน) ถูกเฉลี่ยทับลงบนจำนวนปีที่ใช้งานจริง EIR มักออกมาค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสินเชื่อหมุนเวียนแบบสั้นที่แพงกว่า
2.2 จุดที่ต้องเข้าใจด้านความเร็วอนุมัติ
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดที่เจ้าของกิจการต้องยอมรับคือ
• ในทางปฏิบัติ การอนุมัติแบบค้ำประกัน “ใช้เวลามากกว่า” แบบไม่ค้ำ
เพราะต้องมีขั้นตอน
◦ ประเมินหลักประกัน (ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ฯลฯ)
◦ ตรวจสอบเอกสารสิทธิและภาระผูกพัน
◦ วิเคราะห์งบการเงินและสเตทเมนต์ย้อนหลัง
• กรณีใช้ บสย.ค้ำประกัน ยังต้องมีขั้นตอนพิจารณาและอนุมัติมิติการค้ำของ บสย. เพิ่มเข้ามา แม้ปัจจุบันระบบจะดิจิทัลและเร็วขึ้นมากแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของกิจการวางแผนลงทุนล่วงหน้า เช่น ซื้อเครื่องจักร เปิดไลน์ผลิตใหม่ ขยายสาขา การเลือกรอสินเชื่อแบบค้ำประกันที่ EIR ต่ำกว่า ก็เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมและช่วยให้ธุรกิจไม่ต้อง “กดดันตัวเอง” ด้วยดอกเบี้ยแพงในระยะยาว

3. แบบไม่ค้ำประกัน: ความเร็ว–ความยืดหยุ่นสูง แลกกับ EIR ที่สูงกว่า
อีกฝั่งหนึ่งคือสินเชื่อที่เน้น “ความเร็วและความยืดหยุ่น” ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์จดจำนอง เช่น
• วงเงินหมุนเวียนอ้างอิงยอดเดินบัญชี
• สินเชื่อรายได้ประจำในระบบ
• วงเงินอนุมัติเร็วสำหรับกลุ่ม สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน 2568 ที่อิงข้อมูลธุรกรรมจริงและการวิเคราะห์พฤติกรรม
3.1 จุดแข็งด้านความเร็วอนุมัติ
1. ขั้นตอนสั้นกว่า ใช้ข้อมูลดิจิทัลมากขึ้น
ธนาคารและ Non–Bank จำนวนมากพยายามใช้ข้อมูลเครดิตบูโร สเตทเมนต์ดิจิทัล และพฤติกรรมการรับ–จ่ายในบัญชี มาช่วยตัดสินใจ ทำให้กระบวนการอนุมัติรวดเร็วกว่าสินเชื่อแบบค้ำที่ต้องประเมินทรัพย์เพิ่ม
2. เหมาะกับสถานการณ์ “ต้องใช้เงินเร็ว แต่มีรายได้เดินบัญชีจริง”
เช่น รอเก็บเงินลูกค้าเครดิตเทอม 60 วัน หรือมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกะทันหันแต่ต้องรีบสต๊อกสินค้า
3. ใช้เป็น “สะพานสั้น” ช่วยพาธุรกิจไม่สะดุดระหว่างทาง
ถ้าเจ้าของกิจการมีวินัยในการใช้และปิดวงเงินทันทีที่ไม่จำเป็นแล้ว EIR แม้จะสูงกว่า ก็ยังอาจคุ้มเมื่อเทียบกับต้นทุนของการเสียโอกาสทางธุรกิจ
3.2 ข้อควรระวังด้าน EIR และภาระหนี้
1. อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสูงกว่าโดยโครงสร้าง
เนื่องจากผู้ให้กู้รับความเสี่ยงเต็ม ๆ โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ การตั้งราคา EIR จึงสูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อรวมค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ วงเงินพร้อมใช้ และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ
2. ถ้าใช้วงเงินก้อนใหญ่–นานเกินไป ภาระดอกเบี้ยจะบานอย่างรวดเร็ว
ตรงนี้เป็นจุดที่บทความและผู้กำกับดูแลหลายแห่งเตือนอยู่เสมอว่า สินเชื่ออัตราสูงควรถูกใช้ในกรอบระยะเวลาสั้น ไม่ควรนำไปแทนสินเชื่อระยะยาวเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์
3. ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ SMEs ยังเปราะบาง
รายงานล่าสุดของ ธปท. ระบุว่า คุณภาพหนี้ของ SMEs ยังเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวัง แม้ระบบธนาคารจะมีเงินกองทุนและสภาพคล่องสูงก็ตาม การใช้สินเชื่อแบบไม่ค้ำที่มี EIR สูง โดยไม่ผูกกับกระแสเงินสดจริงจึงเสี่ยงต่อการทำให้ DSCR/DSR ของกิจการตึงเกินจำเป็น
กล่าวโดยสรุป สินเชื่อแบบไม่ค้ำเหมาะกับ “เงินหมุนเร่งด่วน–วงเงินไม่ใหญ่–ใช้สั้น ๆ” แต่ไม่เหมาะกับการแบกก้อนใหญ่ระยะยาว

4. มองคู่กัน: ต้นทุนจริง (EIR) vs ความเร็วอนุมัติ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับปี 2568
เมื่อเอาทั้งสองมุมมาวางคู่กัน เราจะเห็นภาพดังนี้
• แบบค้ำประกัน / มี บสย. ค้ำเพิ่ม
◦ EIR โดยรวมมักต่ำกว่า
◦ วงเงินสูง–อายุสัญญายาว เหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์หรือขยายโครงการ
◦ ใช้เวลาพิจารณานานกว่า ต้องเตรียมเอกสารละเอียด
• แบบไม่ค้ำ / สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน 2568
◦ ความเร็วอนุมัติและความยืดหยุ่นสูง
◦ อิงข้อมูลรายได้จริงและการเดินบัญชี เหมาะกับกิจการที่มีรายรับในระบบชัด
◦ EIR สูงกว่า เหมาะใช้เป็นสะพานระยะสั้น ไม่ใช่สินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะยาว
Rule of Thumb เชิงกลยุทธ์
1. งานยาว–ก้อนใหญ่–มีทรัพย์ค้ำ
→ ให้พิจารณา สินเชื่อธุรกิจแบบค้ำประกัน (รวมถึงใช้ บสย. ค้ำเสริม) เป็นหลัก แล้วออกแบบค่างวดให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดในอนาคต
2. งานสั้น–เร่งด่วน–ก้อนไม่ใหญ่
→ ใช้วงเงินหมุนเวียน เช่น OD, แฟคตอริ่ง หรือสินเชื่อหมุนเวียนแบบไม่ค้ำที่ออกแบบมาเพื่อ SME โดยเฉพาะ แต่ควรกำหนด “วันเริ่มใช้–วันปิดหนี้” ให้ชัด และไม่ปล่อยให้วงเงินแพงกลายเป็นภาระถาวร
3. ใช้ข้อมูล EIR เป็นฐานในการเปรียบเทียบจริง
ทุกครั้งที่เปรียบเทียบข้อเสนอ สินเชื่อsme หรือการ ขอสินเชื่อธุรกิจ จากหลายสถาบัน อย่ามองแค่ดอกเบี้ยป้ายหน้า ให้ขอข้อมูล EIR หรือใช้เครื่องมือคำนวณจากธนาคาร/หน่วยงานรัฐในการเทียบต้นทุนแท้จริง

5. สรุป: ใช้ “แบบค้ำ” และ “ไม่ค้ำ” ให้เป็นทีมเดียวกัน ไม่ใช่คู่แข่งกัน
ในโลกจริง เจ้าของกิจการไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง 100% ระหว่างสินเชื่อแบบค้ำกับแบบไม่ค้ำ หากเข้าใจ ต้นทุนจริง (EIR) และ “จุดถนัด” ของแต่ละผลิตภัณฑ์แล้ว สามารถออกแบบให้ทำงานร่วมกันได้ เช่น
• ใช้สินเชื่อแบบค้ำเป็น “โครงหลัก” รองรับการลงทุนใหญ่ ดอกเบี้ยถูก ค่างวดสมเหตุสมผล
• ใช้สินเชื่อหมุนเวียนแบบไม่ค้ำในกรอบระยะเวลาสั้น ๆ เพื่ออุดช่องว่างกระแสเงินสด โดยคุมไม่ให้ EIR รวมของธุรกิจสูงเกินไป
การวางโครงสร้างหนี้อย่างมีวินัยเช่นนี้ ทำให้คุณมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่ม สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และวงเงินระดับสูงขึ้น เมื่อข้อมูลกระแสเงินสดและวินัยชำระหนี้เริ่มนิ่งในสายตาผู้ให้กู้

ชวนอ่านบทความหลัก: เจาะลึกตัวอย่างและกฎเลือกแบบค้ำ vs ไม่ค้ำ
หากคุณต้องการดูตัวอย่างละเอียดว่า
• แบบค้ำ vs ไม่ค้ำ ส่งผลต่อ EIR และกระแสเงินสดอย่างไร
• กรณีศึกษาซื้อเครื่องจักร vs อุดเงินหมุนสั้น ๆ ควรจัดชุดวงเงินแบบไหน
• และกฎจำง่าย ๆ ในการเลือกใช้สินเชื่อแต่ละแบบให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
สามารถอ่านต่อแบบเต็ม ๆ ได้ในบทความหลักของ EasyCashflows ที่เชื่อมโยงกับบทความนี้โดยตรง คือ
👉 เปรียบเทียบสินเชื่อเพื่อธุรกิจบสยค้ำประกันและไม่ค้ำประกัน
ซึ่งในบทความหลัก คุณจะเห็นรายละเอียดเชิงตัวเลข กรอบคิด DSCR/LTV และกลยุทธ์ผสมวงเงินที่ช่วยให้การ ขอสินเชื่อธุรกิจ, วางแผน สินเชื่อsme และเลือกใช้ สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน 2568 เป็น “เครื่องมือสร้างโอกาส” มากกว่าภาระในระยะยาวของธุรกิจค่ะ


เข้าชม : 10





Re หัวข้อ :
รูปประกอบ : Limit 100 kB
ไอคอน : ย่อหน้า จัดซ้าย จัดกลาง จัดขวา ตัวหนา ตัวเอียง เส้นใต้ ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา
อ้างอิงคำพูด เพิ่มเพลง เพิ่มวีดีโอคลิป เพิ่มรูปภาพ เพิ่มไฟล์ Flash เพิ่มลิงก์ เพิ่มอีเมล์
รายละเอียด :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ชื่อของท่าน :


 
สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  จังหวัดลำพูน
ถนนลำพูน-ริมปิง ตำบลต้นธง  อำเภอเมือง  จังหวัดลำพูนโทรศัพท์ 0-5351-1295 

โทรสาร  0-5356-1255 
aramdilokrat_1@hotmail.com  pranee@lpn.nfe.go.th
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05  Update by   _SCRIPT2