[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

  
อยากมีแบรนด์กาแฟ แต่เงินไม่พอ ใช้สินเชื่อ SME ยังไงดี?
โดย : easycashflows   เมื่อวันที่ : พุธ ที่ 3 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2568   


ภาพคาเฟ่สวย ๆ บนโซเชียล ทำให้หลายคนเผลอคิดในใจว่า

“ถ้าเรามีร้านกาแฟของตัวเองสักร้านก็คงดี…”

แต่ทันทีที่เปิดแอปดูยอดเงินในบัญชี
ตัวเลขก็มักเตือนเรากลับมาสู่ความจริงว่า
อยากเปิดร้านได้ แต่เงินสดไม่พอ

จุดเจ็บจริง ๆ ของคนอยากเริ่มธุรกิจกาแฟคือ

เงินเก็บมี แต่ไม่มากพอสำหรับค่าแฟรนไชส์ + ค่าตกแต่ง + ค่าเครื่องชง

ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ กลัวโอกาสและทำเลดี ๆ จะหลุดมือ

แต่ถ้ากู้เกินตัว ก็กลัวต้องมานั่งเครียดเรื่องหนี้แทนจะได้สนุกกับการทำร้าน

เพราะฉะนั้น ก่อนจะเดินเข้าธนาคารไปคุยเรื่อง สินเชื่อsme, สินเชื่อธุรกิจอาหาร หรือมองหา แหล่งเงินทุน อื่น ๆ
เราควรทำความเข้าใจ “ตัวเลข + ความเสี่ยง + ความพร้อมของตัวเอง” ให้ชัดสักรอบ

1. เช็กความจริงก่อน: ร้านกาแฟที่ฝันไว้ใช้เงินเท่าไหร่กันแน่

ก่อนคิดเรื่องสินเชื่อ ลองตอบคำถามง่าย ๆ บนกระดาษให้ได้ก่อนว่า

ค่าเช่าหรือค่าซื้อที่

ค่าตกแต่งร้าน

เครื่องชง–เครื่องบด

ค่าวัตถุดิบล็อตแรก

เงินเดือนพนักงาน 2–3 เดือนแรก

เงินกันพลาด เผื่อยอดขายไม่เป็นไปตามแผน

รวมทั้งหมดแล้ว “เงินเริ่มต้นเปิดร้านกาแฟ” ของเราคือกี่บาท

ส่วนใหญ่จะพบว่า ตัวเลขจริง สูงกว่าที่คิดในหัวค่อนข้างมาก
และตรงนั้นเอง ที่คำว่า แหล่งเงินทุน เริ่มชัดขึ้นทันทีว่า
เงินเก็บอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีเงินก้อนจากที่อื่นมาช่วยเสริม

2. เลือกใช้แหล่งเงินทุนอย่างมีสติ ไม่ใช่แค่ขอให้อนุมัติ

โดยทั่วไป คนที่เริ่มทำร้านกาแฟมักผสมแหล่งเงินหลายแบบเข้าด้วยกัน เช่น

เงินเก็บของตัวเอง

เงินจากครอบครัวหรือเพื่อน

เงินจากหุ้นส่วน

และส่วนที่ขาด ใช้ สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร จากธนาคาร

แต่ละแบบมี “ต้นทุน” ต่างกัน

เงินเก็บ – ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ใช้แล้วหมดไป

เงินคนใกล้ตัว – ดอกเบี้ยอาจไม่มี แต่ต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์

หุ้นส่วน – ช่วยแบ่งภาระเงินลงทุน แต่ต้องแชร์การตัดสินใจ

สินเชื่อจากธนาคาร – มีดอกเบี้ยชัดเจน แต่ช่วยให้เริ่มเร็วขึ้น หากวางแผนดี

คำถามสำคัญจึงไม่ใช่

“กู้ได้ไหม?”

แต่คือ

“ถ้ากู้แล้ว เรารู้จริงไหมว่าจะเอาเงินไปทำอะไร และร้านมีโอกาสสร้างรายได้มาคืนหนี้ได้แค่ไหน?”

3. เข้าใจสินเชื่อ sme และสินเชื่อธุรกิจอาหาร แบบไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก

เมื่อเดินไปคุยกับธนาคารแล้วบอกว่า
“อยากเปิดร้านกาแฟ / อยากซื้อแฟรนไชส์กาแฟ”
ธนาคารจะมองเราผ่านกรอบของ ผู้ประกอบการรายเล็ก (SME)

ภาพง่าย ๆ ของ สินเชื่อ sme คือ

ธนาคารให้เงินไปใช้ใน “ธุรกิจ” โดยตรง

เราต้องพิสูจน์ว่าธุรกิจมีโอกาสไปต่อ ทั้งในมุมยอดขายและกระแสเงินสด

บางผลิตภัณฑ์ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือเงินฝาก

บางผลิตภัณฑ์ออกแบบให้เป็น แหล่งเงินทุน ที่ “ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำ” แต่จะเข้มด้านเครดิตและรายได้แทน

ส่วนคำว่า สินเชื่อธุรกิจอาหาร มักใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่โฟกัสกลุ่มร้านอาหาร–คาเฟ่เป็นพิเศษ เงื่อนไขหลักไม่ต่างจากสินเชื่อ sme มากนัก เพียงแต่ถูกออกแบบให้ตรงกับพฤติกรรมของธุรกิจสายกิน–ดื่มมากขึ้น เช่น ระยะเวลาผ่อน วงเงินเริ่มต้น หรือวิธีดูรายได้

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเดินเข้าไปคุยกับธนาคาร ได้แก่

แผนร้านแบบเข้าใจง่าย

ทำเลไหน กลุ่มลูกค้าแบบใด

ราคาเฉลี่ยต่อแก้ว

คาดว่าวันหนึ่งขายได้ประมาณกี่แก้ว

รายการใช้เงินลงทุน แยกเป็นรายการซื้อของชัดเจน

ภาพ “กรณีแย่สุด” ในหัวว่า ถ้ายอดขายไม่ถึงเป้า เราจะยังพอจ่ายหนี้ไหวหรือไม่

ธนาคารไม่ต้องการแผนธุรกิจหนาเป็นเล่ม
แต่ต้องการเห็นว่าเราคิดครบมากกว่าแค่ฝันอยากมีคาเฟ่

4. อย่าปล่อยให้ทั้งร้านยืนอยู่บนเงินกู้ 100%

ลองสมมติว่า

เรามีเงินเก็บ 300,000 บาท

ต้องใช้ทั้งหมดราว 600,000–800,000 บาท จึงจะเปิดร้านกาแฟได้อย่างสบายใจ

ส่วนต่าง 300,000–500,000 บาท คือพื้นที่ของ แหล่งเงินทุน

ทางเลือกแบบสมดุลคือ

ใช้เงินเก็บบางส่วน

เสริมด้วยหุ้นส่วน หรือเงินจากครอบครัวในระดับที่รับกันได้

ใช้ สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ภาระดอกเบี้ยสูงเกินไป

เหตุผลที่ไม่ควรใช้สินเชื่อแทนเงินลงทุนทั้งหมด เพราะปีแรกของร้านกาแฟมักยังไม่นิ่ง
มีทั้งช่วงยอดดีและช่วงเงียบ
หากทั้งร้านตั้งอยู่บนเงินกู้ 100% ร้านจะต้องทำงานหนักมากเพื่อวิ่งให้ทันทั้งค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย

แต่ถ้าเราออกแบบ “พอร์ตแหล่งเงินทุน” ให้สมดุล
แรงกดดันทางการเงินจะลดลง เหลือพื้นที่ให้เราโฟกัสเรื่องคุณภาพกาแฟ บริการ และการสร้างลูกค้าประจำได้จริง

5. หนี้ไม่ใช่ศัตรู แต่ก็ไม่ใช่ของเล่น

คำว่า สินเชื่อธุรกิจอาหาร หรือ สินเชื่อ sme สำหรับบางคนคือสิ่งที่ “ควรหลีกเลี่ยง”
แต่อีกหลายคนมองว่า “กู้มาก่อน เดี๋ยวร้านดังแล้วค่อยว่ากัน”

ความจริงอยู่ตรงกลาง — หนี้เป็น “เครื่องมือ”

ถ้ากู้โดยไม่วางแผน

ซื้อของเกินจำเป็น

เน้นตกแต่งมากกว่าพื้นฐานการขาย

เอาเงินกู้ไปโปะหนี้เก่าโดยไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน

หนี้จะกลายเป็นภาระที่กดทับเราแทบทุกคืน

แต่ถ้ากู้แบบมีสติ

รู้ว่ากู้เท่าไหร่

รู้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเดือนประมาณเท่าไหร่

คำนวณคร่าว ๆ ได้ว่า ต้องขายกาแฟเดือนละกี่แก้วถึงจะจ่ายต้น–ดอกไหว

หนี้จะกลายเป็นตัวช่วยเร่งให้เราเริ่มธุรกิจได้เร็วขึ้น ในจังหวะที่ยังรักษาคุณภาพชีวิตตัวเองได้

สรุป: ก่อนคุยกับธนาคาร คุยกับตัวเองให้ชัดก่อน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีมุมกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
แต่ในหัวก็เต็มไปด้วยคำถามเรื่องเงินทุน

การมองหา แหล่งเงินทุน, สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร ไม่ใช่เรื่องผิด
แต่อย่าให้ความรีบร้อนทำให้เรา “กดตกลงเป็นหนี้” ก่อนที่จะตอบคำถามสำคัญเหล่านี้ได้

รู้หรือยังว่าร้านที่อยากเปิด ต้องใช้เงินจริง ๆ เท่าไหร่

วางโครงแหล่งเงินทุนอย่างไรให้ไม่ต้องพึ่งสินเชื่อ 100%

ถ้า 6 เดือนแรกยอดขายยังไม่เป็นไปตามฝัน จะจ่ายหนี้ได้ไหม

ถ้าคำตอบเริ่มชัด
ไม่ว่าจะเลือกใช้สินเชื่อ sme หรือเดินด้วยเงินทุนตัวเองเป็นหลัก
คุณก็จะเริ่มต้นบนถนนสายกาแฟด้วยความเข้าใจตัวเลขและความเสี่ยง
ไม่ใช่แค่เดินตามภาพสวย ๆ ในโซเชียลเพียงอย่างเดียวครับ/ค่ะ

เข้าชม : 5





Re หัวข้อ :
รูปประกอบ : Limit 100 kB
ไอคอน : ย่อหน้า จัดซ้าย จัดกลาง จัดขวา ตัวหนา ตัวเอียง เส้นใต้ ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา
อ้างอิงคำพูด เพิ่มเพลง เพิ่มวีดีโอคลิป เพิ่มรูปภาพ เพิ่มไฟล์ Flash เพิ่มลิงก์ เพิ่มอีเมล์
รายละเอียด :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ชื่อของท่าน :


 
สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  จังหวัดลำพูน
ถนนลำพูน-ริมปิง ตำบลต้นธง  อำเภอเมือง  จังหวัดลำพูนโทรศัพท์ 0-5351-1295 

โทรสาร  0-5356-1255 
aramdilokrat_1@hotmail.com  pranee@lpn.nfe.go.th
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05  Update by   _SCRIPT2