ภาพคาเฟ่สวย ๆ บนโซเชียล ทำให้หลายคนเผลอคิดในใจว่า
ถ้าเรามีร้านกาแฟของตัวเองสักร้านก็คงดี
แต่ทันทีที่เปิดแอปดูยอดเงินในบัญชี ตัวเลขก็มักเตือนเรากลับมาสู่ความจริงว่า อยากเปิดร้านได้ แต่เงินสดไม่พอ
จุดเจ็บจริง ๆ ของคนอยากเริ่มธุรกิจกาแฟคือ
เงินเก็บมี แต่ไม่มากพอสำหรับค่าแฟรนไชส์ + ค่าตกแต่ง + ค่าเครื่องชง
ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ กลัวโอกาสและทำเลดี ๆ จะหลุดมือ
แต่ถ้ากู้เกินตัว ก็กลัวต้องมานั่งเครียดเรื่องหนี้แทนจะได้สนุกกับการทำร้าน
เพราะฉะนั้น ก่อนจะเดินเข้าธนาคารไปคุยเรื่อง สินเชื่อsme, สินเชื่อธุรกิจอาหาร หรือมองหา แหล่งเงินทุน อื่น ๆ เราควรทำความเข้าใจ ตัวเลข + ความเสี่ยง + ความพร้อมของตัวเอง ให้ชัดสักรอบ
1. เช็กความจริงก่อน: ร้านกาแฟที่ฝันไว้ใช้เงินเท่าไหร่กันแน่
ก่อนคิดเรื่องสินเชื่อ ลองตอบคำถามง่าย ๆ บนกระดาษให้ได้ก่อนว่า
ค่าเช่าหรือค่าซื้อที่
ค่าตกแต่งร้าน
เครื่องชงเครื่องบด
ค่าวัตถุดิบล็อตแรก
เงินเดือนพนักงาน 23 เดือนแรก
เงินกันพลาด เผื่อยอดขายไม่เป็นไปตามแผน
รวมทั้งหมดแล้ว เงินเริ่มต้นเปิดร้านกาแฟ ของเราคือกี่บาท
ส่วนใหญ่จะพบว่า ตัวเลขจริง สูงกว่าที่คิดในหัวค่อนข้างมาก และตรงนั้นเอง ที่คำว่า แหล่งเงินทุน เริ่มชัดขึ้นทันทีว่า เงินเก็บอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีเงินก้อนจากที่อื่นมาช่วยเสริม
2. เลือกใช้แหล่งเงินทุนอย่างมีสติ ไม่ใช่แค่ขอให้อนุมัติ
โดยทั่วไป คนที่เริ่มทำร้านกาแฟมักผสมแหล่งเงินหลายแบบเข้าด้วยกัน เช่น
เงินเก็บของตัวเอง
เงินจากครอบครัวหรือเพื่อน
เงินจากหุ้นส่วน
และส่วนที่ขาด ใช้ สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร จากธนาคาร
แต่ละแบบมี ต้นทุน ต่างกัน
เงินเก็บ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ใช้แล้วหมดไป
เงินคนใกล้ตัว ดอกเบี้ยอาจไม่มี แต่ต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์
หุ้นส่วน ช่วยแบ่งภาระเงินลงทุน แต่ต้องแชร์การตัดสินใจ
สินเชื่อจากธนาคาร มีดอกเบี้ยชัดเจน แต่ช่วยให้เริ่มเร็วขึ้น หากวางแผนดี
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่
กู้ได้ไหม?
แต่คือ
ถ้ากู้แล้ว เรารู้จริงไหมว่าจะเอาเงินไปทำอะไร และร้านมีโอกาสสร้างรายได้มาคืนหนี้ได้แค่ไหน?
3. เข้าใจสินเชื่อ sme และสินเชื่อธุรกิจอาหาร แบบไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก
เมื่อเดินไปคุยกับธนาคารแล้วบอกว่า อยากเปิดร้านกาแฟ / อยากซื้อแฟรนไชส์กาแฟ ธนาคารจะมองเราผ่านกรอบของ ผู้ประกอบการรายเล็ก (SME)
ภาพง่าย ๆ ของ สินเชื่อ sme คือ
ธนาคารให้เงินไปใช้ใน ธุรกิจ โดยตรง
เราต้องพิสูจน์ว่าธุรกิจมีโอกาสไปต่อ ทั้งในมุมยอดขายและกระแสเงินสด
บางผลิตภัณฑ์ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือเงินฝาก
บางผลิตภัณฑ์ออกแบบให้เป็น แหล่งเงินทุน ที่ ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำ แต่จะเข้มด้านเครดิตและรายได้แทน
ส่วนคำว่า สินเชื่อธุรกิจอาหาร มักใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่โฟกัสกลุ่มร้านอาหารคาเฟ่เป็นพิเศษ เงื่อนไขหลักไม่ต่างจากสินเชื่อ sme มากนัก เพียงแต่ถูกออกแบบให้ตรงกับพฤติกรรมของธุรกิจสายกินดื่มมากขึ้น เช่น ระยะเวลาผ่อน วงเงินเริ่มต้น หรือวิธีดูรายได้
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเดินเข้าไปคุยกับธนาคาร ได้แก่
แผนร้านแบบเข้าใจง่าย
ทำเลไหน กลุ่มลูกค้าแบบใด
ราคาเฉลี่ยต่อแก้ว
คาดว่าวันหนึ่งขายได้ประมาณกี่แก้ว
รายการใช้เงินลงทุน แยกเป็นรายการซื้อของชัดเจน
ภาพ กรณีแย่สุด ในหัวว่า ถ้ายอดขายไม่ถึงเป้า เราจะยังพอจ่ายหนี้ไหวหรือไม่
ธนาคารไม่ต้องการแผนธุรกิจหนาเป็นเล่ม แต่ต้องการเห็นว่าเราคิดครบมากกว่าแค่ฝันอยากมีคาเฟ่
4. อย่าปล่อยให้ทั้งร้านยืนอยู่บนเงินกู้ 100%
ลองสมมติว่า
เรามีเงินเก็บ 300,000 บาท
ต้องใช้ทั้งหมดราว 600,000800,000 บาท จึงจะเปิดร้านกาแฟได้อย่างสบายใจ
ส่วนต่าง 300,000500,000 บาท คือพื้นที่ของ แหล่งเงินทุน
ทางเลือกแบบสมดุลคือ
ใช้เงินเก็บบางส่วน
เสริมด้วยหุ้นส่วน หรือเงินจากครอบครัวในระดับที่รับกันได้
ใช้ สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ภาระดอกเบี้ยสูงเกินไป
เหตุผลที่ไม่ควรใช้สินเชื่อแทนเงินลงทุนทั้งหมด เพราะปีแรกของร้านกาแฟมักยังไม่นิ่ง มีทั้งช่วงยอดดีและช่วงเงียบ หากทั้งร้านตั้งอยู่บนเงินกู้ 100% ร้านจะต้องทำงานหนักมากเพื่อวิ่งให้ทันทั้งค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย
แต่ถ้าเราออกแบบ พอร์ตแหล่งเงินทุน ให้สมดุล แรงกดดันทางการเงินจะลดลง เหลือพื้นที่ให้เราโฟกัสเรื่องคุณภาพกาแฟ บริการ และการสร้างลูกค้าประจำได้จริง
5. หนี้ไม่ใช่ศัตรู แต่ก็ไม่ใช่ของเล่น
คำว่า สินเชื่อธุรกิจอาหาร หรือ สินเชื่อ sme สำหรับบางคนคือสิ่งที่ ควรหลีกเลี่ยง แต่อีกหลายคนมองว่า กู้มาก่อน เดี๋ยวร้านดังแล้วค่อยว่ากัน
ความจริงอยู่ตรงกลาง หนี้เป็น เครื่องมือ
ถ้ากู้โดยไม่วางแผน
ซื้อของเกินจำเป็น
เน้นตกแต่งมากกว่าพื้นฐานการขาย
เอาเงินกู้ไปโปะหนี้เก่าโดยไม่มีโครงสร้างที่ชัดเจน
หนี้จะกลายเป็นภาระที่กดทับเราแทบทุกคืน
แต่ถ้ากู้แบบมีสติ
รู้ว่ากู้เท่าไหร่
รู้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยต่อเดือนประมาณเท่าไหร่
คำนวณคร่าว ๆ ได้ว่า ต้องขายกาแฟเดือนละกี่แก้วถึงจะจ่ายต้นดอกไหว
หนี้จะกลายเป็นตัวช่วยเร่งให้เราเริ่มธุรกิจได้เร็วขึ้น ในจังหวะที่ยังรักษาคุณภาพชีวิตตัวเองได้
สรุป: ก่อนคุยกับธนาคาร คุยกับตัวเองให้ชัดก่อน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีมุมกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แต่ในหัวก็เต็มไปด้วยคำถามเรื่องเงินทุน
การมองหา แหล่งเงินทุน, สินเชื่อ sme หรือ สินเชื่อธุรกิจอาหาร ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าให้ความรีบร้อนทำให้เรา กดตกลงเป็นหนี้ ก่อนที่จะตอบคำถามสำคัญเหล่านี้ได้
รู้หรือยังว่าร้านที่อยากเปิด ต้องใช้เงินจริง ๆ เท่าไหร่
วางโครงแหล่งเงินทุนอย่างไรให้ไม่ต้องพึ่งสินเชื่อ 100%
ถ้า 6 เดือนแรกยอดขายยังไม่เป็นไปตามฝัน จะจ่ายหนี้ได้ไหม
ถ้าคำตอบเริ่มชัด ไม่ว่าจะเลือกใช้สินเชื่อ sme หรือเดินด้วยเงินทุนตัวเองเป็นหลัก คุณก็จะเริ่มต้นบนถนนสายกาแฟด้วยความเข้าใจตัวเลขและความเสี่ยง ไม่ใช่แค่เดินตามภาพสวย ๆ ในโซเชียลเพียงอย่างเดียวครับ/ค่ะ
เข้าชม : 5
|