รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ คืออะไร (ในภาษาคนทำธุรกิจ ไม่ใช่ภาษาสัญญากฎหมาย)
ถ้าให้พูดแบบง่ายที่สุด
รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ คือการ ย้าย หรือ ปรับโครงสร้าง หนี้ก้อนเดิมของคุณ ไปอยู่ในรูปแบบใหม่ที่
ดอกเบี้ยเหมาะสมกว่า
โครงสร้างงวดผ่อนสอดคล้องกับกระแสเงินสดมากขึ้น
หรือใช้หลักประกันแหล่งเงินทุนใหม่ที่ทำให้ธุรกิจหายใจสะดวกขึ้น
บางเคสคือการย้ายหนี้จากธนาคาร A ไปธนาคาร B บางเคสคือการรีไฟแนนซ์ภายในธนาคารเดิม แต่เปลี่ยนประเภทสินเชื่อsme ให้เหมาะกว่าเดิม เช่น
จากเดิมใช้วงเงิน OD ดอกเบี้ยสูง มาลดบางส่วนเป็น สินเชื่อรีไฟแนนซ์ แบบระยะยาว (Term Loan)
หรือรวมหลายก้อนเล็ก ๆ (บัตรเครดิต, สินเชื่อบุคคลที่คุณเคยเอามาใช้หมุนธุรกิจ) ให้กลายเป็นหนี้ธุรกิจก้อนเดียว ที่อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อน สมเหตุสมผลกว่า
พูดง่าย ๆ คือ
แทนที่คุณจะปล่อยให้ หนี้เก่าอยู่แบบเดิมไปเรื่อย ๆ การรีไฟแนนซ์คือการ หยิบหนี้ขึ้นมาจัดใหม่ ให้มันทำงานได้ดีขึ้น ทั้งในมุมต้นทุนดอกเบี้ย และมุมสภาพคล่องธุรกิจ
ไม่ใช่ทุกคนที่ควรรีไฟแนนซ์ แต่มีบางกลุ่มที่ ควรเริ่มคุยได้แล้ว
หลายคนได้ยินคำว่า สินเชื่อรีไฟแนนซ์ แล้วเข้าใจว่าเป็น โปรโมชั่นลดดอกเบี้ย เฉย ๆ จริง ๆ แล้วมันเป็น เครื่องมือวางโครงสร้างการเงิน มากกว่า
จากประสบการณ์คุยกับเจ้าของกิจการ มีอยู่หลายกลุ่มที่ผมมักชวนให้เริ่มคิดเรื่องรีไฟแนนซ์สินเชื่อ ก่อนใครเพื่อน เช่น
1. เจ้าของธุรกิจที่ หนี้โตเร็วกว่ารายได้
คุณอาจเริ่มจากหนี้เล็ก ๆ
OD 12 บัญชี
บัตรเครดิตธุรกิจ
สินเชื่อส่วนบุคคลที่เอามาหมุนกิจการ
ผ่านไป 35 ปี หนี้ก้อนเล็กเหล่านั้นกลายเป็น ก้อนรวมใหญ่ที่ดอกแพง แม้ยอดขายจะเพิ่ม แต่เงินสดไม่เคยเหลือ เพราะลมหายใจหมดไปกับการจ่ายขั้นต่ำและดอกเบี้ย
กรณีนี้ รีไฟแนนซ์สินเชื่อSME เพื่อลดจำนวนเจ้าหนี้ และเปลี่ยนจากหนี้ดอกเบี้ยสูงหลายก้อน มาเป็น หนี้ธุรกิจระยะกลางยาวก้อนเดียว มักช่วยให้คุณเห็นภาพทางการเงินชัดขึ้น และเหลือเงินหมุนมากกว่าเดิม
2. ธุรกิจที่ผ่อนไม่เคยขาด แต่ ดอกแพงกว่าตลาด มาหลายปี
หลังช่วงโควิดหรือช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น หลายธุรกิจจำใจรับดีล สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ เพราะตอนนั้น แค่ขอให้อนุมัติ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เริ่มดีขึ้น รายได้กลับมา ธุรกิจแข็งแรงขึ้น คุณมีสิทธิ์ย้อนกลับมาดูว่า
ตอนนี้เราแบกดอกเบี้ยมากกว่าธุรกิจแบบเดียวกันในตลาดหรือเปล่า
มีธนาคารหรือสถาบันการเงินไหนเสนอ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ที่ดีกว่าหรือไม่
กลุ่มนี้มักไม่ได้มีปัญหาชำระล่าช้า แต่ปัญหาคือ จ่ายแพงเกินไปโดยไม่รู้ตัว การรีไฟแนนซ์จึงเป็นเหมือน การต่อรองใหม่ บนฐานที่คุณแข็งแรงขึ้นแล้ว
3. ธุรกิจที่กำลังจะ ขยาย แต่โครงสร้างหนี้เดิมไม่เอื้อ
อีกกลุ่มที่ผมเจอบ่อย คือธุรกิจที่กำลังจะ
เปิดสาขาใหม่
ลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม
รับงานโปรเจกต์ใหญ่ขึ้น
แต่เมื่อเปิดดูโครงสร้างหนี้เดิมแล้วพบว่า
วงเงิน OD ถูกใช้แทบเต็มตลอด
ไม่มีที่ว่างสำหรับ แหล่งเงินทุน ก้อนใหม่
หรือหนี้เก่าถูกจัดแบบ ผิดฝั่ง เช่น
หนี้ระยะสั้นไปแบกการลงทุนระยะยาว
ทำให้เงินหมุนติดขัดทุกปลายเดือน
กรณีนี้ การทำ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ เพื่อ
ย้ายหนี้ระยะสั้นบางส่วนไปเป็นหนี้ระยะยาว
จัดสัดส่วนระหว่าง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบ OD / Term Loan / วงเงินเช่าซื้อ ให้บาลานซ์กันมากขึ้น
จะช่วยให้คุณ เคลียร์พื้นที่ในงบดุล เพื่อรับแหล่งเงินทุนใหม่ได้อย่างไม่เสี่ยงเกินไป
4. เจ้าของกิจการที่เคยใช้ หนี้ส่วนตัว มาช่วยธุรกิจ แล้วอยากแยกให้ชัด
หลายคนเริ่มธุรกิจจากการใช้
บัตรเครดิตส่วนตัว
สินเชื่อบุคคล
วงเงินส่วนตัวอื่น ๆ
ข้อดีคือเริ่มเร็ว แต่ข้อเสียคือ
ดอกเบี้ยมักสูงกว่าสินเชื่อเพื่อธุรกิจ
รายจ่ายส่วนตัวกับรายจ่ายของกิจการปะปนกัน
เมื่อธุรกิจยืนได้ระดับหนึ่งแล้ว นี่คือเวลาที่ควรพิจารณาใช้ รีไฟแนนซ์สินเชื่อSME
เพื่อ ย้าย หนี้ที่เกี่ยวกับธุรกิจ ไปอยู่ในกรอบ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ โดยเฉพาะ
ทำให้เห็นภาพกำไรขาดทุนของกิจการชัดขึ้น
และแยกชีวิตการเงินส่วนตัวออกจากธุรกิจอย่างเป็นมืออาชีพ
รีไฟแนนซ์ไม่ใช่แค่เรื่อง ดอกถูกลง แต่คือการออกแบบโครงสร้างหนี้ใหม่
สิ่งที่อยากย้ำกับลูกค้าทุกคน คือ
อย่ามอง สินเชื่อรีไฟแนนซ์ เป็นแค่คูปองลดดอกเบี้ย 12%
เหตุผลที่ควรรีไฟแนนซ์ต้องตอบคำถามพวกนี้ได้ชัดเจนด้วยว่า
หลังรีไฟแนนซ์แล้ว Cash Flow รายเดือน ของคุณดีขึ้นจริงไหม?
ค่างวดลดลง
หรือระยะเวลาผ่อนเหมาะกับรอบเงินเข้าออกของธุรกิจ
โครงสร้างหนี้ใหม่ช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตหรือไม่?
ลดการพึ่งพา OD แรง ๆ
ลดการใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลมาหมุนธุรกิจ
เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นในอนาคตได้มากขึ้นหรือเปล่า?
งบดุลดูสะอาดขึ้น
สัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับที่ธนาคาร กล้าคุยต่อ
ถ้ารีไฟแนนซ์แล้วได้แค่ ดอกเบี้ยน้อยลงนิดเดียว แต่ต้องผ่อนนานแบบไม่จำเป็น หรือทำให้คุณ สบายวันนี้ แต่เสี่ยงในอีก 5 ปีข้างหน้า ดีลนั้นอาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด แม้ดูเหมือนจะประหยัดก็ตาม
ก่อนคุยธนาคารเรื่องรีไฟแนนซ์ ลองเช็กตัวเองด้วยคำถามง่าย ๆ
ในมุมที่ปรึกษา ผมมักให้เจ้าของกิจการเริ่มจากเช็กลิสต์เหล่านี้
เรารู้ตัวเลขหนี้ทั้งหมดของตัวเองชัดแค่ไหน?
หนี้กี่ก้อน
ดอกเบี้ยเท่าไร
เหลืออีกกี่ปี
เจ้าหนี้คือใครบ้าง
ในแต่ละเดือน ธุรกิจจ่าย ดอกเบี้ย + เงินต้น รวมกันเท่าไร?
เทียบกับกำไรจริง ๆ แล้วหนักเกินไปไหม
ถ้าวันนี้มีคนมาช่วยออกแบบโครงสร้างสินเชื่อเพื่อธุรกิจใหม่ทั้งหมด
เราอยากให้หนี้หน้าตาเป็นแบบไหนในอีก 35 ปีข้างหน้า
เพราะการรีไฟแนนซ์ที่ดีต้องเริ่มจาก รู้ตัวเอง ก่อน แล้วจึงค่อยไปเลือกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อรีไฟแนนซ์ หรือ แหล่งเงินทุน ที่เหมาะกับโจทย์ของเรา ไม่ใช่เริ่มจากการดูโปรโมชั่นแล้วค่อยกลับมาดูธุรกิจทีหลัง
ถ้าอยากเจาะลึกเชิงเทคนิคมากขึ้น ลองไปอ่านบทความเต็มที่ EasyCashFlows
ในบทความนี้ ผมตั้งใจเล่าเรื่อง รีไฟแนนซ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ในมุมของ ที่ปรึกษาที่นั่งคุยกับเจ้าของกิจการจริง ๆ เพื่อให้คุณเห็นภาพว่า ใครควรเริ่มต้น และควรถามอะไรตัวเองก่อนจะเดินเข้าแบงก์
แต่ถ้าคุณอยากลงลึกเชิงเทคนิคมากขึ้น เช่น
รูปแบบโครงสร้าง รีไฟแนนซ์สินเชื่อSME แบบต่าง ๆ
ข้อควรระวังเรื่องค่าธรรมเนียมและภาระซ่อนเร้นของสินเชื่อรีไฟแนนซ์
ตัวอย่างสถานการณ์ที่ ควร และ ไม่ควร รีไฟแนนซ์ในเชิงตัวเลขจริง
ผมแนะนำให้คุณลองอ่านบทความหลักเรื่อง รีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ SME ที่เว็บไซต์ EasyCashFlows ตามลิงก์นี้ได้เลยครับ
👉 https://www.easycashflows.com/knowledge/รีไฟแนนซ์สินเชื่อธรกจ-sme
มองให้รีไฟแนนซ์เป็น การออกแบบแผนหนี้ใหม่ ไม่ใช่แค่การย้ายเจ้าหนี้ แล้วคุณจะเริ่มเห็นว่า หนี้ที่จัดดีแล้ว สามารถเป็น โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงิน ให้ธุรกิจโตได้อย่างมั่นคงกว่าที่คิดมากครับ
เข้าชม : 1
|