
ในฐานะที่ปรึกษา ผมขอเริ่มตรง ๆ: ปี 2568 เป็นปีที่ เงินยังมี แต่เลือกลงละเอียดขึ้น ผู้ให้ทุน/ผู้ให้กู้มองหา หลักฐานการใช้งานเงิน + เส้นทางคืนเงิน มากกว่า ความตั้งใจล้วน ๆ ดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงสู่ 1.50% เมื่อ 13 ส.ค. 2568 ช่วยผ่อนแรงด้านต้นทุนบ้าง และล่าสุดการประชุมเดือน ต.ค. 2568 ก็ คงดอกเบี้ย ไว้ระดับเดิม (เสียง 5 ต่อ 2) คลายแรงกดดันระยะสั้นได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ให้กู้ยังคงคัดกรองเข้มตามบริบทเสี่ยงของระบบการเงินอยู่ดี ดังนั้น เลือกแหล่งเงินทุนให้ตรงงาน คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดของผู้ก่อตั้งทุกคนครับ.
ด้านล่างคือ แผนที่ตัวเลือก แบบย่อยง่าย พร้อมคำแนะนำตกผลึกว่าควรหยิบอะไร เมื่อไร และควรเตรียมอะไรให้แฟ้มของคุณ อ่านแล้วเชื่อ โดยผมจะเน้นเฉพาะกรอบ แหล่งเงินทุนธุรกิจ สำหรับผู้ก่อตั้ง/กิจการรุ่นใหม่ตามหัวข้อที่กำหนดเท่านั้น
1) ทุนให้เปล่า/กองทุนพัฒนา (Grant & Matching) เร่งพิสูจน์ตลาดโดยไม่เพิ่มหนี้
เหมาะกับ: สตาร์ทอัพช่วงพัฒนาต้นแบบทดสอบตลาด (MVP→PMF) ที่ต้องการเงินสนับสนุนเพื่อ พิสูจน์ขั้นต่อไป ตัวอย่างในประเทศ (อัปเดตปีนี้):
NIA Open Innovation / Mandatory Platform: ทุนอุดหนุนบางส่วนแบบ Matching สูงสุด ~75% ของงบโครงการ เพดาน 1.55 ล้านบาท (ขึ้นกับแพลตฟอร์ม/เงื่อนไข) บางโมดูลมีเครื่องมือช่วยดอกเบี้ย Working Capital และแบบ Zero Loan Interest สำหรับโครงการที่เข้าเกณฑ์.
depa Digital Startup Fund / D-Station: โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพดิจิทัลประจำปีงบประมาณ 2568 เปิดรับสมัครเป็นรอบ ๆ ให้ทุนสนับสนุนสำหรับไอเดียที่พร้อมไปสู่การทดสอบเชิงพาณิชย์.
มุมที่ปรึกษา: ถ้าคุณอยู่ช่วง พิสูจน์จริง (pilot กับลูกค้าจริง) ทุนแบบนี้คือทางเลือกแรก เพราะไม่เพิ่มภาระหนี้และ คะแนนความน่าเชื่อถือ สูงเมื่อยื่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายใหม่ ต่อธนาคาร/พาร์ตเนอร์ในลำดับถัดไป เคล็ดลับคือเอกสารต้องชี้ ผลลัพธ์ที่วัดได้ หลังจบโครงการ (รายได้ทดลอง, อัตราใช้ซ้ำ, CAC/Payback แบบหยาบ) ไม่ใช่แค่แผน
2) สินเชื่อเพื่อธุรกิจใหม่/สินเชื่อสตาร์ทอัพ ใช้เมื่อ ต้องหมุน งานที่เกิดขึ้นจริง
เหมาะกับ: กิจการที่มีรายได้เริ่มสม่ำเสมอแล้ว ต้องการ เงินทุนหมุนเวียน เพื่อสต็อก/จ่ายทีม/ผลิตส่งมอบ หรือเงินก้อนเพื่ออุปกรณ์ระบบ ประเภทที่เจอบ่อย:
วงเงินหมุนเวียน (OD/Revolving) สำหรับค่าใช้จ่ายถี่รอบสั้น
เงินก้อน/เช่าซื้อ (Term/HP) สำหรับของยาว (อุปกรณ์/ระบบ/รีโนเวต)
Venture Debt (บางราย) เมื่อมีนักลงทุนร่วมแล้ว และต้องการเงินกู้เสริม
ทำไมปีนี้ต้อง ตรงงาน: เพราะผู้ให้กู้เน้นกรอบ Responsible Lending รุ่นใหม่พิจารณาจากความสามารถชำระจริง และการจับคู่วงเงินกับ หน้าที่ของเงิน (เงินสั้นแก้เรื่องสั้น, เงินยาวแก้เรื่องยาว) ดังนั้นถ้าจะสมัคร สินชื่อเพื่อธุรกิจ/สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายใหม่ ให้แนบ เรื่องเล่าเงินสด 1 ย่อหน้า บอก 3 เรื่อง: จะใช้ทำอะไรเงินจะเข้าเมื่อไรจะคืนเมื่อไร (ตั้งวันตัดชำระหลังเงินเข้า 37 วัน) และทำให้ statement เล่าเรื่องเดียวกันกับเอกสารการค้าเสมอครับ.
3) แหล่งเงินจากห่วงโซ่อุปทาน (Trade/Supply Chain Finance) ใช้ข้อมูลการค้าจริงเป็นหลักค้ำ ทางอ้อม
เหมาะกับ: สตาร์ทอัพที่เริ่มมีลูกค้ารายใหญ่/คู่ค้าหลัก มี PO/สัญญา/ใบส่งมอบ/ใบแจ้งหนี้ครบ แต่เครดิตเทอมยาว ทำงานอย่างไร (สรุปเร็ว):
Receivables Finance / Factoring: เปลี่ยนใบแจ้งหนี้ให้เป็นเงินสดล่วงหน้า (เร่งเงินเข้า)
Payables Finance: ผู้ให้กู้จ่ายให้ซัพพลายเออร์ก่อน คุณชำระคืนภายหลังตามเทอม
ข้อดี: ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ส่วนตัว แต่ใช้ ข้อมูลจริงในระบบ เป็นหลักฐาน สอดรับแนวรัฐที่ผลักดันซัพพลายเชนไฟแนนซ์ให้ แหล่งเงินทุน ไหลลงถึง SME/สตาร์ทอัพมากขึ้นในปีนี้ (เคลื่อนไหวคู่กับมาตรการค้ำของรัฐ) เหมาะอย่างยิ่งเมื่อยอดขายมาแล้ว แต่เงินสดติดในเทอม 3090 วัน
4) ค้ำประกันสินเชื่อโดยรัฐ (Guarantee) คันโยกเพิ่มโอกาสอนุมัติ
เหมาะกับ: เคสที่ธุรกิจ เริ่มพิสูจน์ได้ มีรายได้จริงลูกค้าซ้ำ แต่ยังไม่มีหลักทรัพย์ส่วนตัว ตัวอย่างกลไก: ระบบค้ำของ บสย. (TCG) ซึ่งประกาศผลการค้ำไตรมาส 1/2568 ช่วยผู้ประกอบการนับหมื่นราย และมีโปรแกรมต่ออายุ/ต่อเนื่องในปี 2568 เพื่อให้ธนาคาร กล้า ปล่อยวงเงินบนฐานข้อมูลจริงมากขึ้น (บางโปรแกรมเป็นการต่อค้ำสำหรับลูกค้าเดิม และมีเงื่อนไขเฉพาะ).
กลยุทธ์: ถ้าคุณขอ สินเชื่อสตาร์ทอัพ/สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายใหม่ พร้อมแนบ โปรไฟล์ลูกค้าหลัก 1 หน้า (ยอดซื้อประวัติชำระเทอม) และเอกสารชุดเดียวกับข้อ 23 โอกาสเข้าช่องค้ำจะสูงขึ้นมากเพราะแฟ้ม อ่านง่าย และสะท้อนวินัยกระแสเงินสด
5) Equity (Angel/VC/CVC) ใช้เมื่อเป้าหมายคือ เร่งการเติบโต มากกว่า เช็คบิลรอบถัดไป
เหมาะกับ: โมเดลที่ต้องการสเกลเร็ว (เทคโนโลยี/ดาต้า/แพลตฟอร์ม/ชีววิทยาศาสตร์/อุตสาหกรรมเป้าหมาย) บริบทไทยปีนี้: ภูมิทัศน์การส่งเสริมการลงทุนยังขยับ โดย BOI ทยอยปรับแพ็กเกจมาตรการเพื่อดึงดูดโครงการที่มีเทคโนโลยี/โครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ (แม้มุ่งภาคผลิตเป็นหลัก แต่เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลกำลัง เปิดไฟเขียว ให้เงินทุนและผู้เล่นเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น ซึ่งเอื้อต่อดีล Equity และ CVC ในอีโคซิสเต็ม).
ข้อคิด: ทุนหุ้นไม่เพิ่มหนี้ แต่แลกกับสัดส่วนการถือหุ้น/ธรรมาภิบาลที่เข้มขึ้น ถ้ารายได้คุณยัง ไม่สม่ำเสมอพอ สำหรับ สินเชื่อสตาร์ทอัพ ทางเลือก Equity อาจเร็วกว่าจากนั้นค่อยต่อยอดวงเงินหนี้ (venture debt/วงเงินหมุนเวียน) เมื่อเมตริกเริ่มนิ่ง
6) คราวด์ฟันดิง/แพลตฟอร์ม Pre-Order ใช้เมื่อ ชุมชน คือเครื่องยนต์
เหมาะกับ: โปรดักต์ที่พึ่งพาคอมมูนิตี้/แฟนกลุ่มแรกอย่างชัดเจน ภาพรวม: แม้จะไม่ใช่เส้นทางหลักของทุกอุตสาหกรรม แต่เป็น สนามพิสูจน์ดีมานด์ ที่ทรงพลัง สถิติเหล่านี้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในสายตานักลงทุนธนาคารเมื่อคุณขยับไปหา แหล่งเงินทุน ประเภทอื่นในข้อ 25
วิธี เลือกให้ตรงงาน: สูตร 3 ชั้นที่ใช้กับลูกค้าจริง
ชั้นงาน (Job of Money): เงินนี้ทำอะไรหมุนของถี่ (OD), ลงทุนยาว (Term/HP), เร่งเงินเข้า (Factoring/SCF), ขยายอย่างก้าวกระโดด (Equity)
ชั้นหลักฐาน: มีเอกสารอะไรยืนยันใบสั่งซื้อ/สัญญา/ใบส่งมอบ/ใบแจ้งหนี้/รายรับจริง 36 เดือน (ข้อนี้คือหัวใจของการขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายใหม่)
ชั้นคืนเงิน: วันตัดชำระตั้ง หลังเงินเข้า 37 วัน และแสดงวินัยบนบัญชีธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกรอบกำกับดูแลและทำให้แฟ้ม อ่านแล้วเชื่อ
ถ้าคุณลงมือทำครบ 3 ชั้น คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ ต่อรองได้ ทั้งกับผู้ให้กู้ (สำหรับ สินชื่อเพื่อธุรกิจ/สินเชื่อสตาร์ทอัพ) และกับผู้ให้ทุน (Grant/VC) โดยไม่ต้องยืดเพดานเกินความจำเป็น
สรุปแบบที่ปรึกษา: ถ้าเริ่มวันนี้ จะเดินอย่างไรดี?
อยู่ช่วง พิสูจน์ตลาด → ลอง NIA / depa (Grant/Matching) เพื่อสร้างหลักฐานเชิงพาณิชย์ก่อน ไม่เพิ่มภาระหนี้ และช่วยคะแนนเวลาไปขอ สินเชื่อสตาร์ทอัพ รอบถัดไป.
มี ยอดขายเริ่มนิ่ง แต่ เงินสดติดเทอม → จับคู่ วงเงินหมุนเวียน + Factoring/SCF แก้คอขวดเงินเข้าให้ทันรอบส่งมอบ
ต้อง ลงทุนอุปกรณ์/ระบบ → ใช้ Term/HP (ของยาวแก้ด้วยเงินยาว) ตั้งวันตัดหลังเงินเข้า
อยาก เพดานสูงขึ้นแต่ไม่มีหลักทรัพย์ → พิจารณาเข้าช่อง ค้ำประกัน TCG พร้อมแฟ้มหลักฐาน พูดเรื่องเดียวกัน ทั้งชุด.
เป้าคือ สเกลเร็ว และมี แนวโน้มเติบโตสูง → เดินสาย Equity (Angel/VC/CVC) แล้วจูนโครงหนี้ในลำดับถัดไป โดยอ่านสัญญาณนโยบาย BOI/อุตสาหกรรมที่รัฐหนุนควบคู่.
ชวนอ่านต่อ (เพื่อภาพรวมกรอบคิดเต็มรูปแบบ)
บทความนี้โฟกัสเฉพาะ แหล่งเงินทุนสำหรับสตาร์ทอัพ (เลือกให้ตรงงาน) เพื่อช่วยคุณตัดสินใจเลือก แหล่งเงินทุน ที่เหมาะกับสถานการณ์จริง และจัดแฟ้มให้ อ่านแล้วเชื่อ หากต้องการภาพรวมลึกกว่านี้ลำดับการใช้เครื่องมือ, ข้อควรระวัง และตัวอย่างการต่อยอดขอแนะนำให้อ่านบทความหลักต่อไปนี้ครับ:
👉 อ่านบทความหลักสินเชื่อสตาร์ทอัพ&แหล่งเงินทุนที่น่าสนใจ
https://jet-crystal-364.notion.site/SME-2568-28990c65beda8016a95ad24a91982984?pvs=143
เข้าชม : 14
|