
บนโต๊ะคุยกับเจ้าของธุรกิจขนส่ง ผมได้ยินประโยคนี้บ่อยมาก: อยากเพิ่มรถอีก 23 คัน แต่งวดต้องพอดีกระแสเงินสด จะเอา Leasing หรือ HP ดี?
ก่อนเลือก รถรุ่นไหน เราควรเลือก โครงสร้างเงิน ให้ถูก เพราะงวดผ่อน ภาษี ประกัน และราคาขายต่อปลายทาง คือสิ่งที่ทำให้ดีล เดินจริง หรือกลายเป็นภาระได้ ข้อดีคือ ช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยยังทรงที่ 1.50% (คณะกรรมการนโยบายการเงินลงมติ 5 ต่อ 2 เมื่อ 8 ต.ค. 2568) จึงยังพอมีพื้นที่เจรจาเงื่อนไข หากข้อมูลเราแน่นและความเสี่ยงควบคุมได้ดี, แหล่งข่าวเศรษฐกิจหลักก็ยืนยันภาพรวมเดียวกันนี้ครับ
ยิ่งไปกว่านั้น สถาบันการเงินเฉพาะกิจอย่าง SME D Bank มีประกาศ ลดดอกกู้สูงสุดราว 0.25% ทั้งรอบเดือนมีนาคมและสิงหาคม 2568 เพื่อช่วยเอสเอ็มอี ถ้าธุรกิจตั้งหลักฐานรายได้และค่าใช้จ่ายได้ชัด โอกาสได้เงื่อนไข เดินไหว มีจริงครับ
1) รู้จักสองทางเลือกหลักแบบสั้นและชัด
HP (เช่าซื้อ): วางเงินดาวน์ แล้วผ่อนค่างวดคงที่จนจบสัญญา รถเป็นสินทรัพย์บริษัท ตัดค่าเสื่อมได้ ดอกเบี้ยที่จ่ายถือเป็นค่าใช้จ่ายได้ตามเกณฑ์ (ในมุมภาษี) เหมาะกับคนที่ ตั้งใจถือยาว ใช้จนคุ้ม
Leasing (สัญญาเช่าแบบการเงิน): จุดชี้ขาดคือ Residual Value (มูลค่าท้ายสัญญา) ซึ่งตกลงตั้งแต่วันแรกว่า รถจะมีมูลค่าเท่าไรเมื่อครบสัญญา ยิ่งตั้ง Residual สูง งวดยิ่งเบา แต่วันจบสัญญาต้องเลือกว่าจะ ซื้อขาด ในราคานั้น หรือ ส่งคืน (มีเงื่อนไขสภาพรถ) เหมาะกับธุรกิจที่หมุนรถเป็นรอบ ๆ หรืออยากคุมงวดให้เบาใกล้รายได้ต่อเที่ยววิ่ง
สรุปเร็ว: ถ้าใช้ยาว ๆ HP อาจคุ้มกว่า (รวมภาษีและค่าเสื่อม) แต่ถ้าต้องการ งวดเบาหมุนรถ Leasing ที่ตั้ง Residual สมเหตุสมผลมักตอบโจทย์กว่า
2) งวดที่ ไหวจริง เริ่มจากตัวเลขหน้างาน ไม่ใช่แค่คำว่า อนุมัติง่าย
วิธีคุยแบบตรงเป้า มี 4 ขั้น:
ตั้งรายได้ต่อคันต่อเดือน จากเที่ยววิ่งจริง (ทำกรณีฐานดีแย่ให้เห็นช่วง)
หักต้นทุนแปรผัน เช่น น้ำมัน ยาง โอที ทางด่วน และ ต้นทุนคงที่ อย่างค่าคนขับ/ซ่อมบำรุงเฉลี่ย
ใส่ประกัน 2 ชั้นที่ต้องมี: พ.ร.บ. (ประกันภาคบังคับ) + ประกันสมัครใจ (ชั้น 1/2+/3+) เลือกให้สอดคล้องเส้นทางและประเภทบรรทุก เบี้ยต่างกันพอสมควร ควรขอใบเสนอหลายเจ้า
คำนวณค่างวด เทียบ HP vs Leasing อย่างน้อย 2 แบบ เลือกแบบที่ เงินสดยังบวก ในฉากฐาน และ ไม่ติดลบยาว ในฉากแย่
คำเตือน: คำว่าสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก มักแปลว่า เอกสารครบตัวเลขชัด มากกว่าทางลัด ธนาคารให้คะแนนกับ หลักฐานรายได้ต่อคัน + ตารางเที่ยววิ่ง + ต้นทุนต่อคัน มากที่สุดในตอนนี้ เพราะเศรษฐกิจยังโตต่ำและมีความเสี่ยงภายนอกสูง ธนาคารกลางเองก็สื่อสารไปในทิศทางระมัดระวังเช่นกันครับ
3) ตั้ง Residual ให้พอดีมือ (มูลค่าท้ายสัญญา) เบางวดแต่ไม่พลาดตอนจบ
หลักคิดง่าย ๆ:
รถตลาดขายต่อดี (หัวลาก/หางพ่วง/ตู้แห้งรุ่นนิยม อายุใช้งานไม่เกิน 56 ปี): ตั้ง Residual กลางสูง เพื่อลดงวด และวางแผน ซื้อขาด หรือ เปลี่ยนคัน ตามรอบงาน
รถเฉพาะทางมาก (ดัดแปลงหนัก/งานเฉพาะ): ตั้ง Residual กลาง ๆ อย่าฝืนสูงเกินไป เพราะราคาจริงวันขายต่ออาจต่ำกว่า Residual ทำให้ต้องควักเพิ่ม
ทำสัญญาให้ชัดเรื่อง สภาพรถตอนคืน (เช่น การขูด/บุบ/อุปกรณ์เสริม) เพื่อลดค่าใช้จ่ายไม่คาดคิดตอนปิดสัญญา
4) ภาษีและบัญชี: เก็บเท่าที่จำเป็น แต่ต้องคิดก่อนเซ็น
HP (เช่าซื้อ): รถบันทึกเป็นสินทรัพย์ ตัดค่าเสื่อมตามอายุการใช้งาน ดอกเบี้ย HP นำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ (ตามหลักฐานและการใช้เพื่อธุรกิจ)
Leasing (สัญญาเช่าแบบการเงิน): ค่างวดเช่าถือเป็นค่าใช้จ่ายตามสัญญา (รายละเอียดการรับรู้ทางบัญชีขึ้นกับลักษณะสัญญา)
สิ่งนี้มีผลต่อกำไรสุทธิ ภาษี และ หน้าตางบ ที่ธนาคารใช้พิจารณา วางแบบจำลอง 23 โครง ให้ที่ปรึกษาภาษีดูคร่าว ๆ ก่อนปิดดีล จะช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้น (สรุปจากแนวทางภาษีและบทอธิบายความต่าง HP vs Leasing ในไทย)
5) ประกัน: อย่าถูกจนเสี่ยง แต่อย่าแพงจนกินงบ
รถวิ่งงานหนักควรเลือกความคุ้มครองให้สอดคล้องของจริง เช่น เส้นทางไกล กลางคืน บรรทุกเฉพาะทาง ระดับความคุ้มครองขั้นต่ำที่ ปลอดภัย สำหรับหลายธุรกิจ คือ พ.ร.บ. + ประกันสมัครใจชั้น 1/2+ พร้อมคุม ค่าเอ็กเซส (ส่วนร่วมจ่าย) ให้สมดุล เอ็กเซสสูง เบี้ยอาจถูกลง แต่กระทบเงินสดตอนเกิดเหตุ ควรเทียบ 23 บริษัทก่อนตัดสินใจ (ข้อมูลกฎหมาย พ.ร.บ. และแนวปฏิบัติบริษัทประกันระบุชัดว่าเป็น ภาคบังคับ สำหรับรถทุกคันในไทย)
6) เช็กลิสต์ ดีลที่เดินได้ (ใช้ยื่นไฟแนนซ์ได้เลย)
ใบเสนอราคารถ + อุปกรณ์เสริม
ตารางเที่ยววิ่งย้อนหลัง/คาดการณ์ (ฐานดีแย่)
ต้นทุนต่อคัน: น้ำมัน ยาง คนขับ ซ่อมบำรุง ทางด่วน
เบี้ยประกัน (พ.ร.บ. + สมัครใจ) จาก 23 บริษัท
ตารางค่างวดจำลอง HP vs Leasing (ตั้ง Residual 12 ทางเลือก)
กันชนเงินสดอย่างน้อย 1015% ของรายได้ต่อคัน
เงื่อนไขที่ควรเจรจา: งวดตามฤดูกาล, ค่าธรรมเนียม, เงื่อนไขปิดก่อนกำหนด (เพื่อรีไฟแนนซ์ได้ถ้าดอกลง)
ทำแพ็กเดียวส่งให้ครบ ไฟแนนซ์ประเมินง่าย โอกาส ผ่านไว สูงขึ้น ซึ่งคือ อนุมัติง่าย ในความหมายที่ถูกต้องของยุคนี้
7) เลือกยังไงให้เข้ากับ หน้าเงิน ของธุรกิจคุณ
ถ้ารายได้ ผันตามรอบงาน ชัด และมีวินัยเปลี่ยนรถทุก 45 ปี → Leasing ที่ตั้ง Residual กลางสูง มักทำให้งวดสอดคล้องรายได้
ถ้าตั้งใจ ถือยาว ใช้จนคุ้มค่าเสื่อม → HP ตรงไปตรงมา ควมคุมง่าย
ถ้าต้อง ปิดดีลเร็ว วงเงินไม่ใหญ่มาก และเอกสารแน่น → สินเชื่อsmeแบบที่ธนาคารออกแบบให้เอสเอ็มอี (บางช่วงมีโปรดอกพิเศษจากสถาบันเฉพาะกิจ) จะช่วย ต่อจิ๊กซอว์ ให้ครบได้เร็วขึ้น
สรุปแบบที่ปรึกษา
คุณไม่ได้ซื้อแค่ รถคันใหม่ แต่กำลังเลือก โครงสร้างเงิน ที่จะอยู่กับธุรกิจ 35 ปี ข้างหน้า เริ่มจากตัวเลขหน้างาน: รายได้ต่อคัน ต้นทุนต่อคัน ประกัน ภาษี แล้วค่อยเทียบทางเลือก HP vs Leasing (อธิบาย Residual ให้ชัดตั้งแต่วันแรก) เลือกแบบที่ เงินสดยังบวก ในฉากฐาน และ ไม่ลบยาว ในฉากแย่ ในภาพรวมเศรษฐกิจตอนนี้ ยังมีหน้าต่างสำหรับผู้ประกอบการที่เตรียมเอกสารดี อัตราดอกเบี้ยทรงตัว, มีโปรช่วยเอสเอ็มอีเป็นระยะ ใช้โอกาสนี้ล็อกดีลที่ ผ่อนไหวจริง สำหรับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนส่ง ของคุณครับ
อ่านต่อ (บทความหลัก)
อยากดูตัวอย่างการตั้ง Residual แบบทีละขั้น, เช็กลิสต์เอกสารยื่น, และแบบฟอร์มเปรียบเทียบ Leasing/HP ที่เติมตัวเลขของคุณได้ทันที ไปอ่านบทความหลัก เลือกโครงสร้างยานพาหนะ: Leasing/HP ให้ผ่อนไหวจริง (ดู Residual/ภาษี/ประกัน) เพื่อเจาะลึกต่อครับ
เข้าชม : 13
|