
เวลาจะขอ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน ปัญหาที่เจอบ่อยคือ ธุรกิจดี แต่เล่าไม่เป็น ธนาคารจึงมองไม่เห็นภาพว่าเงินก้อนนี้จะไปทำงานอะไร กลับมาเมื่อไร และถ้าสะดุด คุณรับมืออย่างไร บทความนี้สรุป 3 ขั้น ที่ผมใช้พาลูกค้าเข้าห้องเจรจาให้ได้ผลคุณทำตามได้เลย โดยไม่ต้องเป็นนักการเงิน
ขั้นที่ 1: ตีกรอบเงิน ภายใน 60 นาที เงินต้องไปทำงานอะไร และเมื่อไร
เป้าหมาย: แสดงให้ชัดว่าเงินทุกบาทมี งานต้องทำ และมีเวลาที่แน่นอน ไม่ใช่กู้เผื่อ
แยกเงินสั้นกับเงินยาว
งานสั้น (30180 วัน): ซื้อวัตถุดิบ ผลิต สต็อก รอเงินเข้า → ขอวงเงินแบบหมุนเวียน ที่คิดดอกเฉพาะช่วงที่ใช้จริง
งานยาว (15 ปี): ซื้อเครื่องจักร เปิดสาขา วางระบบ → ขอเงินกู้ผ่อนเป็นงวดคงที่ให้เหมาะกับอายุการใช้งาน
จับคู่ เงินออกเงินเข้า รายเดือน หยิบใบสั่งซื้อ (PO), สัญญา หรือประวัติการขาย มาวางเป็นปฏิทินว่า เงินจะเข้าเดือนไหน แล้วเทียบกับคิวจ่ายจริง (วัตถุดิบ ค่าแรง ค่าเช่า หนี้เดิม) จะเห็นช่วง ติดลบ ชัดเจน นั่นคือ จำนวนวงเงินที่ต้องใช้ และ ช่วงเวลาที่ต้องใช้
กำหนดตัวชี้วัดสำเร็จ ระบุผลลัพธ์ที่วัดได้ เช่น รอบผลิตเพิ่ม 20%, ของเสียลด 3 จุดเปอร์เซ็นต์, ต้นทุนต่อหน่วยลด 5% ถ้ามี ส่วนลดเงินสด จากซัพพลายเออร์เมื่อจ่ายเร็ว ให้ใส่ตัวเลขก่อนหลังไว้เลย เพื่อชี้ว่ากู้แล้ว คุ้ม จริง
พอทำ 3 ข้อนี้ คุณจะรู้ทันทีว่า ต้องใช้เท่าไร ใช้เมื่อไร คืนเมื่อไร นี่คือครึ่งหนึ่งของคำว่า สินเชื่ออนุมัติง่าย ในความหมายที่ถูกต้อง (ง่ายเพราะข้อมูลชัด ไม่ใช่ง่ายเพราะไม่ตรวจ)
ขั้นที่ 2: ทำ Credit Story แบบบ้าน ๆ แต่ทรงพลัง เล่าเรื่องด้วยหลักฐาน
Credit Story คือเรื่องเล่าจากข้อมูลจริง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่สินเชื่อ เห็นเงินเดิน ของธุรกิจคุณ โดยไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก ๆ หลักคือ ชัด ครบ ตรวจสอบได้
แพ็กเอกสารหน้าเดียว (เอาไปใช้ยื่นได้เลย):
สรุปผู้บริหาร 1 หน้า: เราคือใคร ขายอะไร ลูกค้าหลักอยู่ไหน ทำไมต้องกู้ตอนนี้ และเงินก้อนนี้จะไปทำอะไร
หลักฐานความต้องการซื้อ: รายชื่อลูกค้าหลัก + ใบสั่งซื้อ/สัญญา + ประวัติการรับชำระ 612 เดือน (ทำตาราง ฐานดีแย่ เพื่อให้เห็นช่วงขึ้นลง)
กระแสเงินสด 12 เดือน: ทำปฏิทิน เงินออกเงินเข้า ให้เห็นชัด และเผื่อ กันชน 1015% เผื่อเหตุไม่คาดคิด
ต้นทุนสำคัญ: วัตถุดิบ แรงงาน ขนส่ง ค่าเช่าสรุปเป็นตัวเลขต่อเดือน พร้อมโน้ตว่ารอบจ่ายชนกับรอบรับเงินตรงไหน
งบการเงินและภาษีล่าสุด: ยื่นทันเวลา สอดคล้องกับตัวเลขข้างต้น
ตัวช่วยที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ (อธิบายครั้งเดียว):
บสย. = บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (หน่วยงานรัฐค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอี) ถ้าขอ ค้ำ บสย. ได้ วงเงินมักขยายง่ายขึ้น แม้ไม่มีหลักทรัพย์
NaCGA = หน่วยงานค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (อยู่ระหว่างจัดตั้ง) มีเป้าหมายยกระดับระบบค้ำทั้งประเทศ เพื่อลดต้นทุนกู้ของเอสเอ็มอีในระยะยาว
e-Invoice = ใบกำกับ/ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ธนาคารตรวจสอบยอดขายได้เร็วขึ้น กระบวนการจึงคล่องขึ้น
เคล็ดลับ: ถ้ามีหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) จากลูกค้าใหม่ หรือมีงานรอผลิต ให้แนบไปด้วย น้ำหนักมากกว่าสไลด์สวย ๆ หลายไฟล์
ขั้นที่ 3: ปิดดีลให้ ใช้เป็น เจรจาเงื่อนไขที่ช่วยเงินสด
วงเงินสูงอย่างเดียวไม่พอ ถ้าเงื่อนไขทำให้เงินสดตึงเร็วไปก็ลำบาก สิ่งที่ควรคุยมี 6 เรื่องนี้
คิดดอกตามวันที่ใช้จริง สำหรับวงเงินหมุนเวียน เพื่อลดดอกส่วนที่ไม่ได้ใช้
งวดตามฤดูกาล หรือ พักเงินต้นช่วงเริ่มโครงการ ถ้าธุรกิจมีฤดูกาลชัด
ปิดก่อนกำหนดค่าปรับต่ำ เผื่อรีไฟแนนซ์ถ้าดอกเบี้ยลง
ค่าธรรมเนียมรวมจุดเดียว จะได้คำนวณต้นทุนรวมได้ง่าย
แพ็กประกัน/ค้ำรัฐอย่างมีสติ ค่าธรรมเนียมค้ำต้องคุ้มกับวงเงินที่เพิ่มขึ้นจริง
กำหนดเวลาพิจารณาเอกสารชัดเจน ถ้าใช้ e-Invoice/ไฟล์ PDF ชัด ๆ จะย่นเวลาเบิกใช้วงเงินได้มาก
หมายเหตุบริบทปี 2568: ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในช่วงทรงตัว ธุรกรรมระยะสั้นที่ข้อมูลครบ คุยเงื่อนไขได้ มากกว่าช่วงดอกขึ้น และสถาบันการเงินของรัฐก็มีแคมเปญช่วยลดต้นทุนเป็นระยะ ผู้ประกอบการที่ทำการบ้านดีจึงได้เปรียบ
ตัวอย่างสั้น ๆ: ทำครบ 3 ขั้น ได้มากกว่าที่คิด
บริษัทอาหาร B2B ต้องการวงเงินหมุน 10 ล้านบาท ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ
ขั้น 1: ทำปฏิทินเงินเข้าออก พบช่องว่างเงินสด 68 ล้านบาทช่วงผลิตก่อนรับเงิน 4560 วัน → ขอวงเงินหมุนเวียนที่คิดดอกเฉพาะช่วงใช้จริง
ขั้น 2: แนบใบสั่งซื้อจากลูกค้าหลัก 3 ราย + ประวัติรับชำระ + กระแสเงินสด 12 เดือน (ฐานดีแย่) + กันชน 12% + งบการเงินล่าสุด + ภาษี
ตัวช่วย: ขอค้ำ บสย. และใช้ e-Invoice เพื่อให้ตรวจสอบได้เร็ว
ขั้น 3: เจรจาค่าปรับปิดก่อนกำหนดต่ำ ค่าธรรมเนียมรวมจุดเดียว และตกลงเวลาพิจารณาเบิกวงเงินแบบ T+1 ผล: ได้ สินเชื่อsme วงเงินสูง 12 ล้านบาท (มากกว่าที่ตั้งใจ) เงื่อนไขผ่อนคลายเงินสด และพร้อมขยายกำลังผลิตพอดีงาน
เช็กลิสต์ พร้อมยื่นพรุ่งนี้
งานของเงิน: แยกสั้นยาว + จำนวนเงิน + ช่วงเวลาที่ต้องใช้
ปฏิทินเงินเข้าออก 12 เดือน (ทำแบบฐานดีแย่) + กันชน 1015%
หลักฐานความต้องการซื้อ: ลูกค้าหลัก + PO/สัญญา + ประวัติรับชำระ
งบการเงินล่าสุด + เอกสารภาษีที่ยื่นตรงเวลา
แผนค้ำ (เช่น บสย.) หรือข้อมูลเกี่ยวกับ NaCGA หากมีความคืบหน้าในพื้นที่ของคุณ
รายการเงื่อนไขที่อยากเจรจา: ดอกตามใช้จริง/งวดตามฤดูกาล/ปิดก่อนกำหนดค่าปรับต่ำ/ค่าธรรมเนียมรวมเดียว
คำแนะนำส่งท้ายของที่ปรึกษา
การจะได้ สินเชื่อไม่ใช้หลักประกัน2568 ในวงเงินที่ พอดีกับงานและการเติบโต ไม่ใช่เรื่องดวง แต่คือผลลัพธ์ของการทำการบ้าน 3 ขั้นนี้อย่างซื่อสัตย์กับตัวเลขของตัวเอง
ขั้น 1 ทำให้คุณรู้ ต้องใช้เท่าไร ใช้เมื่อไร คืนเมื่อไร
ขั้น 2 ทำให้ธนาคาร เห็นเงินเดิน จากเอกสารจริง ไม่ใช่คำอธิบายลอย ๆ
ขั้น 3 ทำให้ดีล ใช้เป็น ไม่บีบเงินสดจนหายใจไม่ออก
เมื่อทำครบ โอกาสได้ สินเชื่อsme ที่เงื่อนไขดีและ วงเงินสูง จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แม้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ตาม
อ่านต่อ (บทความหลัก)
ถ้าอยากได้เทมเพลตตัวจริงทั้งแบบฟอร์ม ตัวช่วยตัดสินใจ 3 ขั้น, ตัวอย่างตารางเงินเข้าออก, และเช็กลิสต์เอกสารฉบับย่อไปอ่านบทความหลักหัวข้อ ตัวช่วยตัดสินใจ3ขั้น บน EasyCashflows ตามลิงก์ที่คุณให้ไว้ได้เลย บทความนั้นสรุปขั้นตอนและตัวอย่างเอกสารให้หยิบใช้ทันที
เข้าชม : 12
|