
ขายดี แต่เงินสดในมือหายไปไหนหมด? คงไม่ใช่คุณคนเดียวที่สงสัยเรื่องนี้ ลูกค้าหลายคนที่มาคุยด้วยมักเริ่มต้นแบบเดียวกันออเดอร์มาเต็ม แต่งานกลับสะดุดเพราะต้องจ่ายค่าวัตถุดิบและค่าแรงทันที ขณะที่ฝั่งรายรับต้อง รอเก็บบิล อีก 3060 วัน สิ่งที่หายไปไม่ใช่กำไรหรอกครับ แต่มันติดอยู่ระหว่างทางในวงจรธุรกิจ นี่แหละที่เราเรียกว่า เงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) เงินสั้น ๆ ที่ทำให้รอบ ซื้อของ → ผลิต → ส่งของ → เก็บเงิน ไหลลื่น ไม่สะดุด บทความนี้ตั้งใจเล่าแบบเพื่อนคุยกัน ไม่ยัดศัพท์เทคนิค เพื่อให้เรา เข้าใจตรงกันก่อน แล้วค่อยเลือกแหล่งเงินทุน ที่เหมาะกับงานจริง ๆ ของเรา
เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร คิดง่าย ๆ ว่า เงินทุนหมุนเวียน = กันชนระหว่าง เงินออกวันนี้ กับ เงินเข้าพรุ่งนี้ ไม่ใช่เงินไว้ลงทุนยาว ซื้อเครื่องจักร หรือเปิดสาขาใหม่ จุดเด่นของเงินก้อนนี้คือ ใช้สั้นคืนเร็ว พองานรอบนั้นจบ เงินก็ไหลกลับเข้ามา เราก็โปะคืน แล้วเริ่มรอบต่อไป ถ้าเข้าใจแบบนี้ คุณจะเลิกกู้ ก้อนเดียวทำทุกอย่าง และเริ่มจับคู่เงินให้ตรงงาน ผลลัพธ์คือ ต้นทุนดอกจริงลดลง (เพราะคิดดอกเฉพาะช่วงที่ใช้เงินจริง ๆ) และ สภาพคล่องนิ่งขึ้น แบบรู้สึกได้
ทำไมขายดีแต่เงินตึง: รอยต่อ รับช้าจ่ายเร็ว ส่วนใหญ่ติดอยู่ตรงนี้ครับ เรามักต้อง จ่ายเร็ว (วัตถุดิบ ค่าแรง ค่าขนส่ง) แต่ รับช้า (เครดิตเทอมลูกค้า 3090 วัน) ช่วงเวลาที่ว่างอยู่ตรงกลางคือหลุมเงินสด ถ้าปล่อยให้ว่าง งานจะสะดุดทันที ทั้งที่ยอดขายกำลังไปได้สวย ทางแก้ไม่ใช่กู้ยาวแล้วเอาไปโปะทุกอย่าง แต่คือการวาง เงินทุนหมุนเวียน ให้ถูกจังหวะ
เครื่องมือคู่ใจของเงินหมุน: OD และ Factoring 1) ODวงเงินเบิกเกินบัญชี) นึกภาพบัญชีกระแสรายวันของธุรกิจที่เรามี เพดาน ให้ดึงเงินออกมาใช้ก่อน แล้วโปะคืนเมื่อเงินขายเข้า ข้อดีคือ คิดดอกตามยอดคงค้างรายวัน ใช้เยอะจ่ายดอกเยอะ ใช้น้อยจ่ายน้อย และถ้าวันไหนปิดยอดลงมาใกล้ศูนย์ ดอกก็แทบไม่เกิด เหมาะกับค่าใช้จ่ายที่ จ่ายก่อน รับทีหลัง เช่น วัตถุดิบ ค่าแรง ค่าน้ำมันรถส่งของ 2) Factoring (รับซื้อลูกหนี้/ขายใบแจ้งหนี้) บางครั้งเรามีใบแจ้งหนี้ไปแล้ว แต่ต้องรอเครดิตเทอมยาว ก็ แปลงบิลเป็นเงินสด ได้ โดยขายสิทธิรับชำระให้ผู้ให้กู้ (ทั้งหมดหรือบางส่วน) วิธีนี้เหมาะกับการเร่งเงินจากลูกค้ารายใหญ่ที่เอกสารครบและมีวินัยชำระดี จะใช้เฉพาะบิลที่คุ้มก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทุกบิล ทำไมต้องใช้คู่กัน? เพราะมันคนละหน้าที่กัน OD เติมฝั่ง ค่าใช้จ่ายต้นน้ำ ส่วน Factoring เร่ง เงินเข้าปลายน้ำ เมื่อทำงานร่วมกัน วงจรเงินสดจะสั้นลงแบบชัดเจน
ตั้งเพดาน OD ให้ พอดีมือ 1. ทำตารางเงินเข้าออก 12 สัปดาห์ หาค่า หลุมเงินสดสูงสุด 2. บวกกันชน 1020% เผื่อเหตุไม่คาดคิด (ของเสียหาย ยอดพีคเฉพาะกิจ) 3. ครอสเช็กด้วยนิ้วชี้ง่าย ๆ: OD ประมาณ 1.01.5 เท่าของค่าใช้จ่ายคงที่รายเดือน หรือราว 1015% ของยอดขายไตรมาสล่าสุด เลือกตัวเลขที่ระวังแต่พอใช้ เตือนใจเล็กน้อย: ถ้าใช้ OD ค้างเกิน 7080% ติดต่อกันหลายสัปดาห์ นี่เป็นสัญญาณว่าคุณอาจตั้งเพดานต่ำไป หรือเอาเงินสั้นไปทำงานยาว ถึงเวลาทบทวนโครงสร้างแล้ว
วินัย 6 ข้อ ที่ทำให้เงินหมุน คุ้มและปลอดภัย 1. วันเงินเข้า = วันโปะ ทำเป็นวัฒนธรรมทีมการเงิน 2. บันทึกทุกครั้งที่ดึงโปะ จะเห็น วันถือจริง เพื่อคุมดอก 3. ใช้ Factoring เฉพาะบิลที่คุ้ม (ลูกค้าเครดิตดี เอกสารครบ) 4. แยกเงินลงทุนออกจากเงินหมุน เสมอเครื่องจักร/รีโนเวตควรอยู่กู้ยาว 5. ตั้งเพดานภายใน เช่น ใช้ OD เกิน 70% ต้องขออนุมัติเพิ่ม 6. รวมเอกสารเป็นแพ็กอ่านง่าย: PO/ใบส่งของ/ใบแจ้งหนี้/ตารางรับชำระ ทำให้ผู้ให้กู้เห็น ทางเงินกลับ ตั้งแต่หน้าแรก อนุมัติง่ายและเงื่อนไขมักดีกว่า
ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ
ยังมีทางเลือก ถ้าคุณเพิ่งเริ่ม หรือยังไม่มีทรัพย์ค้ำ ไม่ได้แปลว่าต้องถอยเสมอไป ปัจจุบันมี แหล่งเงินทุนไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันหลายรูปแบบ โดยผู้ให้กู้จะพิจารณาจาก การเดินบัญชีจริง, ยอดขาย, และคุณภาพลูกหนี้การค้า มากกว่าทรัพย์สิน เช่น วงเงินหมุนเวียนที่ผูกกับยอดขาย หรือ Factoring ที่ใช้บิลลูกค้าบางรายเป็นฐาน จุดสำคัญคือ ทำข้อมูลให้โปร่งใส และสื่อสาร จังหวะเงิน ให้ชัด ผู้ให้กู้จะเข้าใจและกล้าปล่อยวงเงินที่พอดีงานมากขึ้น
ตัวอย่างให้เห็นภาพ: ค้าส่งที่ รับช้าจ่ายเร็ว วันนี้ต้องจ่ายค่าสินค้าเข้าโกดัง 1.2 ล้านบาท (เครดิตซัพพลายเออร์ 15 วัน) ขายให้ลูกค้าองค์กรที่มีเครดิตเทอม 45 วัน → ช่องว่าง 30 วัน วิธีจัดการ: ใช้ OD ราว 6070% ของทุนสินค้าวันนี้ และคัดบิลลูกค้าบางส่วนไป Factoring เพื่อดึงเงินเข้ามาเร็วขึ้น พอเงินเข้าให้โปะ OD ทันที ผลลัพธ์: งานเดินต่อเนื่อง สต๊อกไม่ขาดมือ ดอกที่เกิด คิดตามวันที่ใช้จริง ต้นทุนเฉลี่ยเลยต่ำกว่าการกู้ยาวทิ้งไว้ทั้งเดือน
ธนาคาร vs นอนแบงก์: เลือกยังไงให้เข้ามือ ธนาคาร เหมาะกับกิจการที่เอกสารครบ วงเงินใหญ่ ต้นทุนดอกมักถูกกว่า แต่ขั้นตอนละเอียด นอนแบงก์/ผู้ให้บริการเฉพาะทาง เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็ว เอกสารยืดหยุ่นกว่า และหลายรายรองรับ สินเชื่อSME แบบอิงธุรกรรมจริง (PO/Invoice/สเตทเมนต์) ข้อควรระวังคืออ่านสัญญาเรื่องค่าธรรมเนียมและวิธีคิดดอกให้ชัด ทริคเล็ก ๆ: ไม่จำเป็นต้องเลือกฝ่ายเดียว คุณสามารถ จัดพอร์ต ผสมกันOD จากธนาคาร + Factoring เฉพาะบิลเร่งด่วนจากผู้ให้บริการเฉพาะทางเพื่อให้ เงินทุนหมุนเวียน วิ่งทันงาน แต่ต้นทุนเฉลี่ยยังอยู่ในกรอบที่ควบคุมได้
เช็กลิสต์ก่อนเลือกแหล่งเงินทุน เราใช้เงิน ทำอะไร เท่าไร กี่วันเงินกลับ (ถ้าเกิน 36 เดือน น่าจะเป็นเงินลงทุน ไม่ใช่เงินหมุน) คำนวณ หลุมเงินสดสูงสุด แล้วตั้งเพดาน OD ด้วยสูตรด้านบน รวมเอกสารทางเงินเป็นแพ็กเดียว PO/ส่งมอบ/Invoice/กำหนดชำระ + ตารางเงินสด 812 สัปดาห์ วางวินัย วันเงินเข้า = วันโปะ ให้ทีมการเงินทำเป็นกิจวัตร เลือกใช้ แหล่งเงินทุน ที่ คิดดอกตามใช้จริง ให้มากที่สุด ถ้าต้องเร่งเงินจากบิล เลือก Factoring เฉพาะลูกค้าที่เอกสารแน่นและชำระสม่ำเสมอ
สรุปสั้น ๆ: เข้าใจให้ตรงก่อน เงินจะทำงานแทนเรา เงินทุนหมุนเวียน ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ถ้าเราเห็นภาพว่าเป็น กันชน สำหรับรอยต่อรับช้าจ่ายเร็ว เลือกเครื่องมือถูกงาน (OD เติมต้นน้ำ, Factoring เร่งปลายน้ำ) ตั้งเพดานให้พอดี และรักษาวินัยการโปะคืน คุณจะรู้สึกเลยว่างานไหลลื่นขึ้น ต้นทุนดอกเฉลี่ยลดลง และทีมไม่ต้องวิ่งตามเงินทุกปลายเดือนอีกต่อไป ใครกำลังชั่งใจว่าจะเริ่มยังไง ลองไปอ่าน บทความหลัก ของ EasyCashflows เรื่องเงินทุนหมุนเวียนต่อได้เลย เขารวบทั้งกรอบคิด สูตรตั้งวงเงิน ตัวอย่างเอกสาร และ FAQ ที่เจ้าของกิจการถามบ่อย ๆ เอาไว้ครบ อ่านจบ คุณจะเลือก แหล่งเงินทุน (รวมทั้ง แหล่งเงินทุนไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน) ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และจัดพอร์ต สินเชื่อSME ให้เหมาะกับจังหวะธุรกิจของคุณจริง ๆสินเชื่อธุรกิจแหล่งเงินทุนหมุนเวียน
เข้าชม : 15
|