
ถ้าคุณมีรายจ่ายถี่ ๆ ทุกสัปดาห์ค่าวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าขนส่งแต่เงินเข้ามาเป็นรอบ ๆ ตามยอดขายหรือรอบบิล วงเงิน สินเชื่อOD (Overdraft) หรือ วงเงินเบิกเกินบัญชี คือเครื่องมือ การกู้ระยะสั้น ที่ช่วยให้กระแสเงินสดไม่สะดุด เพราะ ดอกเบี้ยคิดเฉพาะยอดที่ใช้จริง และคิดเป็นรายวัน เมื่อคุณโปะคืน ดอกก็หยุดทันที ไม่ต้องจ่ายดอกทั้งก้อนเหมือนเงินก้อนผ่อนงวด (Term) นี่คือจุดเด่นที่ธนาคารพาณิชย์อธิบายไว้ตรงกัน เช่น SCB และ KBank ที่ระบุชัดว่า สินเชื่อODเป็นวงเงินทุนหมุนเวียน จ่ายดอกเฉพาะส่วนที่เบิก และมักทบทวนวงเงินเป็นรายปี. SCB+1 อย่างไรก็ดี สะดวก ไม่เท่ากับ คุ้มเจ้าของกิจการจำนวนมากเสียดอกเบี้ยเกินจำเป็นเพราะใช้ OD ผิดงาน (เช่น เอาเงินสั้นไปโปะงานลงทุนยาว) หรือขาดวินัย ดึงโปะ ให้สอดรับรอบเงินเข้าออกจริง บทความต้นทางของ EasyCashflows สรุปเพลย์บุ๊ก หลักการใช้งานที่คุ้ม ไว้ชัดเจน และนี่คือการขยายความให้คุณนำไปใช้ได้ทันที: เบิกเฉพาะวันที่มีเงินออก โปะคืนทันทีในวันเงินเข้า ตั้งเป้าปิด OD ให้ได้อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง พร้อมสัญญาณเตือนว่ากำลังใช้ผิด และคำแนะนำจับคู่ OD กับสินเชื่อประเภทอื่นอย่างถูกงาน.
1) หลักคิดแกน: ดึงเท่าที่ต้องใช้โปะทันทีที่เงินเข้า ทำไมต้องวันต่อวัน? เพราะ OD คิดดอก รายวัน ตามยอดคงค้างจริง การคุมจังหวะให้ดึงเฉพาะวันที่มี เงินออก และโปะทันทีใน วันเงินเข้า คือวิธีลด ดอกเบี้ยลม ที่ได้ผลที่สุด และยังสะท้อนวินัยที่ดีในสายตาฝ่ายอนุมัติสินเชื่อ (ธนาคารจำนวนมากใช้พฤติกรรมการใช้ OD เป็นสัญญาณวินัยทางการเงินของผู้ประกอบการ). เป้าหมาย ปิด OD ไตรมาสละครั้ง เป็นทั้งการเช็กสุขภาพกระแสเงินสด และส่งสัญญาณว่าธุรกิจไม่ได้พึ่ง OD แบบค้างเต็มเพดานตลอดเวลา หาก ปิดไม่ลง ติดต่อกันหลายไตรมาส นั่นคือไฟเตือนว่าขนาดวงเงินหรือโครงสร้างทุนหมุนเวียนของคุณอาจไม่เหมาะมือควรปรับเพดานหรือย้ายบางภาระไปเป็นเงินก้อนผ่อนงวดแทน.
2) ขนาดวงเงินและตารางใช้งาน: ตั้ง พอดีมือ ตามรอบธุรกิจ แนวทางที่ใช้ได้จริงคือ ตั้งเพดาน OD ราว 0.81.0 เท่าของค่าใช้จ่ายถี่ต่อเดือน และตั้งใจใช้จริงเฉลี่ย 6070% ของเพดาน เพื่อให้มีเฮดรูมเผื่อเหตุฉุกเฉิน จากนั้นทำ ปฏิทินเงินเข้าออก รายสัปดาห์ เช่น จันทร์พุธเป็นวันจ่ายหลัก ขณะแต่ละศุกร์เป็นวันยอดขาย/คู่ค้าจ่าย กติกาคือ ดึงวันจ่ายโปะวันรับ เสมอ (โมเดลนี้ EasyCashflows สรุปไว้เป็นแผนสัปดาห์พร้อมตัวอย่าง 3 อุตสาหกรรมร้านอาหาร ขนส่ง โรงงาน). กรณีธุรกิจ B2B ที่มีใบแจ้งหนี้ (Invoice) และเครดิตเทอม 1560 วัน ให้พิจารณาใช้ แฟกตอริ่ง/Invoice Financing กับบิลที่ จะได้เงินแน่นอน เพื่อแปลงเป็นเงินสด โดย ไม่กินวงเงิน OD แล้วเก็บ OD ไว้สำหรับรายจ่ายรายวัน/ฉุกเฉินนี่คือการ จับคู่ให้ถูกงาน ที่ช่วยลดต้นทุนดอกเฉลี่ยทั้งระบบ.
3) ใช้ผิดแบบไหน
ดอกบานเครดิตเสีย สัญญาณคลาสสิกของการใช้ OD ไม่คุ้ม ได้แก่ ยอดคงค้างใกล้เต็มวงเงินแทบตลอด, โปะช้ากว่า วันเงินเข้า เป็นประจำ, และ ใช้ OD ไปลงทุนยาว (เช่น ซื้อเครื่องจักร รีโนเวตใหญ่) ซึ่งควรเป็นงานของ Term/Investment Loan ที่ค่างวดคงที่และอายุเงินใกล้เคียงอายุสินทรัพย์ หากมีหนึ่งในสัญญาณนี้ ควรรีบ จัดชั้นงานเงิน: งานสั้น = OD, งานยาว = Term, ช่องว่างจากเครดิตเทอม = Factoring เพื่อให้โครงเงินสอดคล้องวงจรจริง ลดดอก และทำให้งบกระแสเงินสดอ่านง่ายต่อธนาคาร.
4) ปรับการใช้ OD ให้ตรง กติกาใหม่ ของระบบการเงิน ภาพรวมกฎเกณฑ์ไทยขยับสู่แนว Responsible Lending ที่ย้ำ ปล่อยกู้พอดีกับจ่ายไหว และติดตามความเสี่ยงตลอดอายุหนี้แปลว่าแบงก์จะสนใจแหล่งเงินคืนที่เป็นจริง และพฤติกรรมการใช้วงเงินที่มีวินัยมากขึ้น ผู้กู้จึงได้ประโยชน์หากจัดเอกสารให้สะท้อนวินัยดังกล่าว เช่น สเตทเมนต์บัญชีธุรกิจเดียว, ปฏิทิน ดึงโปะ, และ Cash Flow 13 สัปดาห์ เพื่อพิสูจน์ว่าการใช้ OD เป็น สะพานสั้น ไม่ใช่ ภาระยาว. Bot+1 ด้านนิยามผลิตภัณฑ์ OD จากธนาคารต่าง ๆ ก็ชัดเจนตรงกัน: เป็น แหล่งเงินทุน แบบระยะสั้น สำหรับทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง และคิดดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ใช้ โดยผู้กู้ต้องมีบัญชีกระแสรายวันและปฏิบัติตามเงื่อนไขของธนาคาร (สมัครทบทวนวงเงินรายปีส่งดอกตามรอบ). ข้อมูลตัวอย่างจาก Krungthai, KTC, TTB สอดคล้องกันในประเด็นนี้.
5) เช็กลิสต์ 10 วินาที ก่อนกดเบิก วันนี้มี เงินออกจริง หรือไม่ (ค่าใช้จ่ายจำเป็นเท่าไร) เงินเข้ารอบถัดไป วันไหน/ช่องทางใด แน่นอนแค่ไหน (POS โอน คู่ค้าชำระ) เบิก เท่าที่ขาดจริง ไม่เผื่อเกิน ตั้งเตือน วันเงินเข้า = วันโปะ ปิดรอบ OD ให้ได้อย่างน้อยไตรมาสละครั้ง (รีเซ็ตวินัยและลดดอกสะสม) กรอบนี้ถูกย่อเป็นเพลย์บุ๊กสั้น ๆ ในบทความต้นทางคุณสามารถคัดลอกไปวางในทีมไฟแนนซ์ให้ทำเป็นนิสัยได้เลย.
6) จับคู่ OD กับเครื่องมืออื่น
เพื่อ คุ้มทั้งระบบ OD + Factoring: ใช้แฟกตอริ่งกับลูกหนี้รายใหญ่เพื่อลดช่องว่างเครดิตเทอม แล้วกัน OD ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายรายวัน/ฉุกเฉิน จะลดการค้าง OD เต็มเพดานและลดดอกลมรวม. OD + Term: รายการลงทุนยาวให้ Term รับภาระค่างวดคงที่ ส่วน OD รับรายจ่ายสั้นที่ชำระ-รับเงินถี่ จะทำให้ DSCR และวินัยบัญชีดูดีขึ้นในสายตาอนุมัติ (ช่วยปูทางไปวงเงินที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต).
7) เคล็ดลับ อนาคตดีขึ้น เมื่อใช้ OD ได้คุ้ม คุมการใช้จริงเฉลี่ย ≤ ~70% ของเพดาน เพื่อเหลือช่องว่างยามฉุกเฉิน ทำสรุป 1 หน้า ว่ากู้/ใช้ไปเพื่ออะไร คืนจากรายได้ไหน และกันชนเงินสดหลังชำระดอก/ค่างวดเท่าไร (ไฟล์นี้คือภาษาที่แบงก์เข้าใจ) เดินบัญชีผ่านบัญชีธุรกิจเดียว และให้ตัวเลขจาก POS/แพลตฟอร์ม ตรงกับสเตทเมนต์นี่คือฐานการพิจารณาสำคัญในยุค Responsible Lending. เมื่อวินัยชัดและพฤติกรรมบัญชีดีต่อเนื่อง การขอเพิ่มเพดาน หรือแตกไลน์ไปสินเชื่อเงินกู้ในระบบก็จะง่ายขึ้น และเป็นทางผ่านสู่เงินก้อนที่เหมาะมือกว่าในระยะกลาง
สรุป: สะดวก ให้เป็น คุ้ม แล้วค่อยขยาย OD คือ สะพานสั้น ที่ดีมาก หากใช้ตามจังหวะเงินสดจริงดึงวันที่จ่าย โปะวันที่รับ ตั้งเป้าปิดรอบสม่ำเสมอ และจับคู่กับเครื่องมืออื่นอย่างถูกงาน หลักคิดเหล่านี้ทำให้คุณประหยัดดอกเบี้ยและยกระดับความน่าเชื่อถือในระบบ และเมื่อฐานนิ่ง คุณจะพร้อมต่อยอดสู่เครื่องมือทุนหมุนเวียนอื่น ๆ หรือเงินก้อนลงทุน โดยไม่ทำให้กระแสเงินสดตึงเกินไป อยากเห็น เช็กลิสต์ หลักการใช้งานที่คุ้ม แบบเต็ม พร้อมตัวอย่างตาราง ดึงโปะ รายสัปดาห์ เปรียบเทียบ OD vs Term vs Factoring และสัญญาณเตือนใช้ผิดงาน ลองอ่านต่อที่บทความหลักของ EasyCashflows: สินเชื่อ OD ไม่มีหลักประกัน แหล่งเงินทุนพร้อมใช้ ซึ่งย่อยเป็นขั้นตอน ใช้ได้จริงกับหลายประเภทธุรกิจ.
เข้าชม : 5
|