[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 

  
5 เรื่องต้องเช็กก่อนรับ ‘สินเชื่อไม่มีหลักประกัน’ สำหรับ SME
โดย : admins   เมื่อวันที่ : เสาร์ ที่ 20 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2568   



เวลาคุณกำลังมอง แหล่งเงินทุน เพิ่มให้ธุรกิจ ภาพที่เจอบ่อยคือโฆษณา “ดอกเบี้ยเริ่มต้นต่ำ” หรือคำชวนใจอย่าง “อนุมัติไว” จนหลายคนเผลอเทียบกันแค่ตัวเลขหน้าแรก—โดยเฉพาะช่วงที่ต้องการ กู้เงินด่วน เพื่อประคองกระแสเงินสดให้ผ่านเดือนนี้ไปก่อน
แต่ในโลกจริง “ดีลสินเชื่อ” ไม่ได้จบที่ดอกเบี้ยที่โฆษณา เพราะต้นทุนของการกู้มีทั้งค่าธรรมเนียม เงื่อนไขการเบิกใช้ เงื่อนไขทางการเงิน และค่าใช้จ่ายแฝงที่ทำให้ต้นทุนจริงสูงกว่าที่คิดได้มาก บทความหลักของ EasyCashFlows จึงชี้ชัดว่า ก่อน “รับดีล” ควรทบทวนเช็กลิสต์ข้อควรรู้ที่มองให้ไกลกว่าแค่ดอกเบี้ย
ยิ่งไปกว่านั้น รายงานของ ธปท. สะท้อนว่า “มาตรฐานการให้สินเชื่อ” ในปี 2568 มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น และบางแห่งถึงขั้นปรับเงื่อนไขประกอบสัญญาให้เข้มขึ้น รวมถึงลดวงเงินในกลุ่มธุรกิจ SMEs นั่นแปลว่า…ยิ่งคุณเตรียมตัว “อ่านดีล” ได้ละเอียดเท่าไร โอกาสได้ดีลที่ปลอดภัยและเหมาะกับธุรกิจยิ่งสูง
หมายเหตุ: ในบทความนี้จะใช้คำค้นแบบที่เจ้าของกิจการมักพิมพ์จริง เช่น “สินชื่อsme” ควบคู่กับคำมาตรฐานอย่าง สินเชื่อsme
และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กเพื่อให้สื่อสารตรงกับพฤติกรรมการค้นหาค่ะ

1) คิด “ต้นทุนแท้จริง” ให้ถูก: ดอกเบี้ย + ค่าธรรมเนียม + ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายจริง
บทความหลักแนะนำให้รวมต้นทุนทั้งหมดก่อน แล้วค่อยเทียบเป็น “ต้นทุนต่อปีโดยประมาณ” เพราะดอกเบี้ยที่ส่วนหนึ่ง” ของต้นทุนจริง
สิ่งที่ควรรวมอย่างน้อย
• ดอกเบี้ย (ตามประเภทวงเงิน/วิธีคิดดอกเบี้ย)
• ค่าธรรมเนียมจัดการ/จัดวงเงิน (front-end fee)
• ค่าธรรมเนียมรายปี/ค่าดูแลวงเงิน (บางประเภทวงเงินหมุนเวียน)
• ค่าใช้จ่ายเอกสาร/ทำนิติกรรม (แล้วแต่สถาบันการเงิน)
• ถ้ามีการค้ำประกันภาครัฐ/หน่วยงานค้ำ: ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน
แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการคำนวณดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ ธปท. อธิบายไว้ว่า “ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม” เป็นส่วนที่ต้องนำมาคิดรวมกันเพื่อเห็นภาระจริง (แม้ตัวอย่างในหน้าอธิบายจะยกจากสินเชื่อรายย่อย แต่หลักคิดเรื่องการรวมต้นทุนทำให้เราไม่หลงกับตัวเลขหน้าโฆษณา)
เทคนิคที่ใช้ได้ทันที
• ขอเอกสารข้อเสนอ (Term sheet/Offer letter) แล้วทำ “บรรทัดรวมต้นทุน” 1 บรรทัด
• ถ้าค่าธรรมเนียมหักก่อนรับเงิน (เช่น หักค่าจัดการทันที) ให้คิดว่า “เงินเข้าจริง” น้อยลง → ต้นทุนจริงสูงขึ้น
หากคุณกำลังหาทางเลือก สินเชื่อธุรกิจ ไม่มีหลักทรัพย์ หรือ สินเชื่อsmeไม่มีหลักทรัพย์ จุดตายมักอยู่ตรงนี้: เห็นดอกเบี้ยต่ำ แต่ลืมรวมค่าธรรมเนียม/ค่าค้ำ จนต้นทุนจริงแพงกว่าดีลที่ดูเหมือนดอกเบี้ยสูงกว่า

2) ประเมินผลกระทบต่อ “กระแสเงินสดจริง” ไม่ใช่แค่ค่างวดบนกระดาษ
บทความหลักย้ำว่า ต้องถามตัวเองให้ตรงไปตรงมา: ถ้ายอดขายแผ่วลง คุณยังไหวไหม—และให้พิจารณาต่างกันตามรูปแบบสินเชื่อ
ตัวอย่างมุมมองแบบเจ้าของกิจการ
• ผ่อนคงที่ (เช่น Term Loan): เดือนที่ยอดขายตก ยังต้องจ่ายเท่าเดิม
→ ถ้าเป็นธุรกิจฤดูกาล ต้องเผื่อ “เดือนบาง” ไว้เสมอ
• หักจากยอดขาย (บางลักษณะคล้าย Cash Advance/อิงยอดรับ): ภาระไม่ใช่ค่างวด แต่เป็น “ยอดขายถูกหักต่อเนื่อง”
→ ถ้ายอดขายมาร์จินต่ำ อาจรู้สึกเหมือน “โดนบีบกำไร”
• เปลี่ยนลูกหนี้เป็นเงินสด (เช่น Factoring/Invoice Finance แนวคิด): เงินเข้าเร็วขึ้น แต่มี “ค่าธรรมเนียมต่อรอบ/ต่อใบ”
→ ต้องชั่งระหว่าง “กำไรต่อบิล” กับ “ความเร็วของเงินสด”
สิ่งที่อยากให้ทำเพิ่มอีก 1 ขั้น
ทำ Stress test ง่าย ๆ:
• สมมติยอดขายลด 20% ต่อเนื่อง 3 เดือน
• สมมติลูกค้าจ่ายช้าออกไปอีก 15 วัน
แล้วดูว่า “เงินสดคงเหลือ” ยังไม่ติดลบหรือไม่
นี่คือเหตุผลที่คำว่า แหล่งเงินทุนไม่มีหลักทรัพย์ ถึงไม่ควรถูกมองเป็น “เงินก้อนเข้าบัญชี” อย่างเดียว แต่ต้องมองเป็นภาระเงินสดในแต่ละเดือนด้วย

3) เตรียมเอกสารให้ “เล่าเรื่องเดียวกัน” เพราะธนาคารดูความสอดคล้องมากกว่าคำพูดสวย ๆ
ในเช็กลิสต์ของบทความหลัก ระบุชัดว่า Statement ภาษี งบ/สรุปรายได้ และเอกสารการค้า ต้องสอดคล้องกัน ยิ่งสอดคล้อง โอกาสอนุมัติและได้วงเงินตามศักยภาพยิ่งสูง
แปลเป็นภาษาคนทำธุรกิจ
• ถ้ายอดขายใน Statement ไม่สัมพันธ์กับยอดที่แจ้งภาษี → เจ้าหน้าที่จะตีความว่า “รายได้ไม่นิ่ง/ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ”
• ถ้างบการเงินกำไรดีมาก แต่เงินสดไม่ค่อยเข้า → จะถูกถามลึกเรื่องการเก็บเงิน/เครดิตเทอม
• ถ้าแนบสัญญาหรือใบสั่งซื้อ แต่รายละเอียดไม่ตรงกับประเภทธุรกิจที่แจ้ง → เสี่ยงโดนขอเอกสารเพิ่ม วนหลายรอบ
สำหรับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ โดยเฉพาะฝั่ง “ไม่มีหลักประกัน” เอกสารคือ “หลักฐานแทนทรัพย์สิน” ธนาคารจึงอ่านละเอียดกว่าที่หลายคนคิด

4) เข้าใจข้อจำกัดของการค้ำประกัน: ช่วยได้ แต่ไม่ใช่ “ผ่านอัตโนมัติ” และมีต้นทุนที่ต้องนับรวม
บทความหลักอธิบายว่า การค้ำประกันช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ/แหล่งเงินทุน แต่มีต้นทุนค่าค้ำ และยังต้องผ่านเกณฑ์ประเมินความสามารถชำระหนี้ตามปกติ
ในทางปฏิบัติ “ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน” เป็นค่าใช้จ่ายจริงที่ควรรวมในต้นทุนแท้จริงตั้งแต่ต้น โดยข้อมูลโครงการค้ำประกันของ บสย. (เช่น PGS ระยะที่ 11) ระบุกรอบอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกันไว้ชัดเจน และมีรายละเอียดเงื่อนไขในแต่ละโครงการย่อย
สิ่งที่ควรถามก่อนตัดสินใจใช้การค้ำ
• ค่าค้ำคิดจาก “วงเงินอนุมัติ” หรือ “ยอดคงเหลือ” (บางโครงการคิดตามยอดคงเหลือ)
• มีช่วงสนับสนุน/ยกเว้นค่าธรรมเนียมหรือไม่ (ขึ้นกับโครงการ/ช่วงเวลา)
• ถ้าปิดก่อนกำหนด/รีไฟแนนซ์ เงื่อนไขค่าค้ำเป็นอย่างไร

5) ระวัง “ค่าปิดก่อนกำหนด” และเงื่อนไขที่ทำให้รีไฟแนนซ์ไม่คุ้ม
หลายคนเริ่มจากอยากกู้ให้ผ่านก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะรีไฟแนนซ์ทีหลัง แต่ ธปท. ชี้ให้เห็นภาพชัดว่า ค่าปรับไถ่ถอนก่อนกำหนด (prepayment fee) คือค่าใช้จ่ายที่อาจทำให้การรีไฟแนนซ์ “ไม่คุ้ม” หากค่าปรับสูงกว่าดอกเบี้ยที่ประหยัดได้
แม้รายละเอียดการคิดค่าปรับ/ค่าธรรมเนียมจะขึ้นกับประเภทสินเชื่อและสัญญาของแต่ละสถาบัน แต่ “หลักคิด” คือ:
• อย่าดูแค่ดอกเบี้ยใหม่ที่ถูกลง
• ให้คำนวณ “ค่าออกจากดีลเดิม” + “ค่าเข้าในดีลใหม่” ก่อน
นี่สำคัญมากกับคนที่มอง สินเชื่อไม่มีหลักประกัน เป็นสะพานชั่วคราวเพื่อพาธุรกิจไปสู่ดีลที่ต้นทุนต่ำกว่าในอนาคต

6) ใช้เครื่องมือแบบ “ผสม” อาจปลอดภัยกว่า—เพราะธุรกิจไม่ได้มีปัญหาเงินสดแบบเดียว
ข้อสุดท้ายในเช็กลิสต์ของบทความหลักคือ การพิจารณาใช้ 2–3 เครื่องมือให้ตอบโจทย์คนละส่วนของ “รอบเงินจริง” มักปลอดภัยและยืดหยุ่นกว่าบีบทุกอย่างไว้ในสินเชื่อแบบเดียว
ตัวอย่างภาพจำที่พบได้บ่อย
• ธุรกิจที่ยอดขายขึ้นลงมาก: ใช้วงเงินหนึ่งเป็นกันชน + อีกวงเงินเป็นเงินลงทุน
• ธุรกิจเครดิตเทอมยาว: แยกเครื่องมือที่ทำให้เงินเข้าเร็วขึ้น ออกจากเครื่องมือที่ผ่อนคงที่
และนี่คือประเด็นที่ทำให้คำว่า สินเชื่อ sme คือ “เครื่องมือบริหารกระแสเงินสด” ไม่ใช่แค่ “เงินกู้” อย่างเดียว—หากวางโครงสร้างผิด ต่อให้ดอกเบี้ยดูถูก ก็อาจทำให้เงินสดตึงกว่าเดิม

บทสรุป: ก่อนเซ็น “รับดีล” ให้ชนะด้วยการมองให้ไกลกว่าโฆษณา
ถ้าคุณกำลังเปรียบเทียบ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก กับ สินเชื่อธุรกิจ sme หรือกำลังหาทางออกแบบ เงินกู้ด่วน เพื่อพาธุรกิจผ่านช่วงตึงมือ ขอให้ยึด 5 แกนนี้เป็นหลัก:
1. รวมต้นทุนทั้งหมดให้เห็น “ต้นทุนแท้จริง”
2. วัดผลกระทบต่อกระแสเงินสดในเดือนที่ยอดขายแผ่ว
3. ทำให้เอกสารทุกชุด “เล่าเรื่องเดียวกัน”
4. ถ้าใช้ค้ำประกัน ให้รวมค่าค้ำและเข้าใจข้อจำกัด
5. เช็กค่าปิดก่อนกำหนด/เงื่อนไขที่ทำให้รีไฟแนนซ์ไม่คุ้ม
และถ้าจำเป็น…ใช้เครื่องมือแบบผสมให้เข้ากับ “รอบเงินจริง” ของธุรกิจ
สุดท้าย หากอยากเห็นภาพรวมการเปรียบเทียบดีลและแนวคิด “เข้ารอบเงินจริง” แบบครบโครง แนะนำให้ไปอ่านบทความหลัก “เปรียบเทียบสินเชื่อ SME ไม่ใช้หลักทรัพย์” บน EasyCashFlows เพื่อใช้เป็นคู่มือก่อนตัดสินใจรับข้อเสนอสินเชื่อ

เข้าชม : 4





Re หัวข้อ :
รูปประกอบ : Limit 100 kB
ไอคอน : ย่อหน้า จัดซ้าย จัดกลาง จัดขวา ตัวหนา ตัวเอียง เส้นใต้ ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา
อ้างอิงคำพูด เพิ่มเพลง เพิ่มวีดีโอคลิป เพิ่มรูปภาพ เพิ่มไฟล์ Flash เพิ่มลิงก์ เพิ่มอีเมล์
รายละเอียด :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ชื่อของท่าน :


 
สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย  จังหวัดลำพูน
ถนนลำพูน-ริมปิง ตำบลต้นธง  อำเภอเมือง  จังหวัดลำพูนโทรศัพท์ 0-5351-1295 

โทรสาร  0-5356-1255 
aramdilokrat_1@hotmail.com  pranee@lpn.nfe.go.th
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05  Update by   _SCRIPT2